กรณีที่มีแฟนบอลไทยจุดพลุในการแข่งขันฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย ที่พัทยา นั้น มีรายงานข่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย(เอเอฟซี) ได้ส่งหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อให้อธิบายเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งพบว่า แฟนบอลกลุ่มหนึ่งจุดพลุตั้งแต่หน้าสนามก่อนแข่ง, ในสนามระหว่างแข่ง และหลังจบเกม มีหลักฐานจากผู้ควบคุมการแข่งขันทั้งภาพนิ่งและคลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้อย่างชัดเจน

เอเอฟซี ระบุว่า มีการจุดพลุใน 4 เกมที่ ทีมชาติไทย ลงแข่งขัน ประกอบด้วย พบ ซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, อัฟกานิสถาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีการจุดพลุมากกว่า 1 ครั้งต่อ 1 เกม ซึ่งพื้นที่จัดการแข่งขันรายการดังกล่าว เป็นพื้นที่โล่งและมีลมพัด ทำให้ควันไฟพัดเข้าหาผู้ชม ก่อให้เกิดเกิดความอันตรายหากสูดดมเข้าไปนานๆ ถือเป็นการกระทำที่เกินระเบียบกำหนดไว้

นอกจากนี้ การจุดพลุเป็นข้อห้ามของ ฟีฟ่า และ เอเอฟซี ที่ไม่อนุญาตให้กระทำในสถานที่จัดการแข่งขันโดยเด็ดขาด เพราะ ฟีฟ่า ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในชาติที่อยู่ในลิสต์ของ เอเอฟซี ที่ถูกคาดโทษเพราะเคยถูกลงโทษปรับเงินจากเหตุแฟนบอลจุดพลุในสนามมาแล้ว จึงถือเป็นความผิดซ้ำซาก ฉะนั้นจะมีบทลงโทษปรับเงินที่สูงกว่าเดิม ซึ่งคาดว่า ยังไง สมาคมบอลไทย โดนโทษปรับแน่นอนขั้นต่ำคือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 171,000 บาท แต่จะถูกปรับมากกว่านี้เพราะมีการจุดพลุถึง 4 นัด และมากกว่า 1 ครั้งในแต่ละเกม

นับเป็นโทษจากการจุดพลุบริเวณสนามแข่งขันต่อเนื่อง ที่จะโดนฟันต่อไป ซึ่งนอกจากโทษปรับจากบอลอาเซียน คัพ เกมชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 ที่โดนไปล่าสุดเกือบ 7 แสนบาท แล้ว ย้อนไปในอดีต สมาคมบอลไทย ก็เคยโดน เอเอฟซี ลงโทษปรับเงิน เหตุจุดพลุมาแล้ว 2 ครั้ง คือ ปี 2557 ปรับเงิน 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 376,000 บาท) เกมที่ ไทย แพ้ มาเลเซีย 0-1 ศึกฟุตบอล 16 ปีชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่สนามเมืองทอง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 57 และอีกครั้งคือปี 2560 ปรับเงิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,026,000 บาท) เกม ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 2-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2016 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 17 ธ.ค. 59