เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เดินทางมายังศูนย์ประสานเพจสายไหมต้องรอด เพื่อเข้าร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือกับ นายอาชาน โอภาสธนากูร เจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด กรณีที่ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 72 ปี พ่อของ น.ส.เอ ประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนจนถึงแก่ความตาย ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2566 หลังเข้าแจ้งความที่ไว้ยัง สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเงินกว่า 250,000 บาท

โดย น.ส.เอ เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุมีตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ โทรฯ มาพูดคุยแจ้งกับตนว่า ทราบใช่ไหมว่าพ่อตายจะได้เงิน 500,000 บาท ตนจึงตอบว่าทราบ จากนั้นทางตำรวจได้ส่งโทรศัพท์ให้ชายอีกคนหนึ่งคุยโดยอ้างว่าเป็นทนายความ ชายคนดังกล่าวได้บอกกับตนว่า “..ขอพูดตรงๆ เลยนะ ผมขอ 250,000 บาท แล้วเดี๋ยวจะรีบทำเรื่องให้จบ จะได้รับเงินภายใน 3 วัน 7 วัน…” ตนจึงปฏิเสธบอกว่า ขอไปปรึกษากับญาติพี่น้องก่อน เนื่องจากมันมากเกินไป พ่อตนตายทั้งคนทำไมยังต้องมาเสียเงินให้ตำรวจอีก จากนั้นชายคนดังกล่าวก็วางสายไป

หลังจากนั้นทางตำรวจได้พยายามสอบถามเรื่องเงินอีกหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าตนไม่ตกลงตามเงื่อนไขจึงไม่ยอมทำเรื่องเพื่อให้ตนและครอบครัวนำเอกสารไปเบิกเงินเยียวยาการเสียชีวิตจาก พ.ร.บ.ได้ อีกทั้งฝ่ายคู่กรณีโทรศัพท์มาแฉว่า ทางฝ่ายตำรวจพยายามจะให้เข้าไปให้ปากคำใหม่ลักษณะเป็นการกลับคำให้การ ทำให้ตนตกใจมาก โชคยังดีที่คู่กรณีปฏิเสธ เพราะยอมรับผิดตั้งแต่ต้นแล้วว่า เป็นเพราะความประมาทและผิดจริง ตนเห็นว่าพ่อตนเสียชีวิตมากว่า 3 เดือนแล้ว คู่กรณีก็รับว่าเป็นฝ่ายผิด เหตุใดตำรวจจึงมาเรียกเงินตนอีก ตนไม่รู้จะไปพึงใคร จึงตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด

ด้าน นายอาชาน โอภาสธนากูร กล่าวว่า ในเบื้องต้นทีมงานสายไหมต้องรอดได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากพบว่ามีการเรียกรับเงินจริง ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเอาผิดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง.