กรณีที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ส่งผลชันสูตรพลิกศพเหยื่อ “ผกก.โจ้ พ.ต.ต.ธิติสรรค์ อุทธนพล” ให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี โดยยืนยันว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ภาพรวมไม่ใช่สาเหตุการตายจากการเสพยาเสพติด โดยมีการโอนคดีทั้งหมดไปยังส่วนกลาง รวมทั้งมีการเผยว่า ผกก.โจ้ มีประวัติรักษาโรคไบโพลาร์ ต้องกินยารักษาอยู่เรื่อยๆ หลายฝ่ายเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องหาจะนำประเด็นนี้มาต่อสู้ในชั้นศาล

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาการสอบสวนฯ และดำเนินคดี สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวตอนหนึ่งในรายการโหนกระแส ว่า ปกติอาการไบโพลาร์ที่กฎหมายยอมรับให้อ้างได้ถ้าเขาเป็นคนโรคจิต กระทำไปโดยไม่รู้สึกตัว แบบนี้คือกระทำไปโดยไม่รู้สำนึกการกระทำ แต่ไบโพลาร์เป็นเรื่องคนมีอารมณ์ขึ้นลงสุดขั้วก็ไม่สามารถใช้ในการอ้างเป็นเหตุยกเว้นความผิดได้ ซึ่งถ้าเขาอ้างว่าเป็นเป็นไบโพลาร์ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อ้างได้ แต่ไบโพลาร์ ไม่ใช่โรคจิต ไม่ได้ทำให้คนไม่รู้สำนึกในการกระทำ ตรงนี้ต้องไปสู้ทางการแพทย์ ให้แพทย์ลงความเห็นว่าถึงขั้นทำให้เขาไม่รู้สำนึกในการกระทำหรือเปล่า เช่น ทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกับคนที่เป็นโรคจิตหรือเปล่า

ส่วนความหนักใจคดีนี้ มีอะไรบ้าง สมมุติถ้ามีแบ๊ก มีผู้ใหญ่อย่างที่เขาลือๆ กันหรือไม่ ดร.น้ำแท้  กล่าวว่า ตนพูดในหลักการทั่วๆ ไป การแทรกแซงคดีได้ต้องทำลายหลักฐาน สร้างหลักฐานเท็จ หรือบิดเบือนพยานหลักฐาน โดยทั่วๆ ไปการทำคดีให้ตรงไปตรงมาได้ ต้องไปดูที่หลักฐาน คำให้การบุคคล ถ้าพยานหลักฐานที่ได้มาครบถ้วน ภาพกล้องวงจรปิดไม่ถูกทำลาย ความจริงก็จะปรากฏ ฉะนั้นใหญ่แค่ไหนก็ช่วยไม่ได้

รองโฆษกตร.โต้ข่าวจับ “ผกก.โจ้”ตัวปลอม เตือนผลิตข่าวปลอมผิดพ.ร.บ.คอมพ์…

เมื่อถามว่าคดีนี้ถ้ากล้องวงจรปิดไม่เปิดเผย ลำบากมั้ย? ดร.น้ำแท้ กล่าวว่า ลำบากแน่นอน กรณีนี้มีการพยายามทำลายกล้อง ถือว่าทำลายหลักฐานเพื่อปกปิดการตาย แต่มีอีกกล้องอีกตัวที่เขาไม่รู้ ส่วนมีข้อกฎหมายตัวไหนเข้าไปเพิ่ม เรื่องการอุ้มหรือทรมาน หรือไม่นั้น คณะกรรมาธิการกฎหมาย ในสภาผู้แทนราษฎรได้ร่างกฎหมายฉบับนึง คือกฎหมายการซ้อมทรมาน กฎหมายฉบับนี้มีมาตรการคือเมื่อมีการจับ ต้องให้อัยการไปดูทันที นี่คือระบบสากล เขาไม่ให้คนจับที่มีอาวุธปืน มีกำลังพล มีข้อกฎหมายอยู่ในมือ ควบคุมพยานหลักฐานตั้งแต่แรก รู้อยู่คนเดียว จะต้องมีหน่วยงานอื่นมาคุ้มครองผู้ถูกจับ คุ้มครองอะไรบ้าง มีการแจ้งข้อหาเกินสมควรหรือเปล่า มีการทำร้ายร่างกายเขาหรือเปล่า มีการบังคับขู่เข็ญเขาหรือเปล่า ตรงนี้ในต่างประเทศจะไม่เกิดเหตุการณ์ตายแบบนี้ เพราะเวลาจับจะดึงหน่วยงานอื่นมาดูทันที

เมื่อถามว่ากรณีนี้ดูว่าเขารีดเงินหรือรีดยาหรือไม่ ดร.น้ำแท้ กล่าวว่า เท่าที่เห็นยังไม่มีพยานหลักฐานตรงไหนยืนยันว่าเป็นการรีดยาหรือรีดเงิน ยังฟันธงไม่ได้ หรืออาจจะเป็นสองอย่างเลยก็ได้ ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลย ไม่มีหลักฐาน ส่วนผู้ต้องหาจะนำมาเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่นั้น จริงๆ เขาบอกว่ารีดยาเพื่อให้รู้สึกว่าการกระทำนั้นไม่เลวร้ายจนเกินไป เพื่อขอความเมตตา ดุลพินิจในการลงโทษให้ไม่ลงโทษเต็มที่ เพราะโทษเต็มที่กรณีนี้คือประหารชีวิต อาจได้รับความเมตตาลงโทษไม่ประหารเหลือจำคุกตลอดชีวิตก็ได้ ถ้าศาลเชื่อ

เมื่อถามว่า แต่ 5-6 ปี เดี๋ยวออกมาเดิน? ดร.น้ำแท้ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานไปถึงไหน แต่โทษหนักสุดที่ตั้งไว้คือประหารชีวิตอยู่แล้ว ถ้า 5-6 ปีไม่น่าใช่ แต่มันมีความผิดฐานอื่นอีกเรียงกันไปอีกนะ

เมื่อถามอีกว่า เรื่องนี้ยังไงเป็นไปตามข้อเท็จจริง โดนแน่? ดร.น้ำแท้ กล่าวว่า ระหว่างการสอบสวน จะมีการค้นหาพยานหลักฐานความผิดฐานอื่นๆ อีก การทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ต้องรวบรวมให้ครบทุกฐานความผิด ต้องดูว่าหลังจากนี้ไป ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นไปเรียบร้อย ครบถ้วนหรือเปล่า