เมื่อวันที่ 31 ส.ค. หลังจาก พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงของสำนักงานจเรตำรวจ เดินทางไปที่เรือนจำกลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทางวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คนให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด ผกก.โจ้ กับพวกทั้ง 7 ถูกนำตัวเข้ามาทีละ 1 คน เพื่อให้คณะกรรมการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ผกก.โจ้ กับพวกทั้ง 7 คนร่วมกันทําร้ายร่างกายนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เพื่อเรียกรับเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเสพติดเกินขนาด และต่อมาถูกดําเนินคดี

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ผกก.โจ้ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่านายจิระพงศ์ไม่ได้เสียชีวิตที่ห้องปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ อย่างแน่นอน เพราะให้การช่วยเหลือโดยตลอด แต่รับว่าได้เอาถุงคลุมหัวนายจิระพงศ์จริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่ต้องการให้นายจิระพงศ์บอกข้อมูลเรื่องยาเสพติด และยังบอกด้วยว่าเมื่อพบผู้ต้องหาหายใจไม่ออกและหมดสติไป จึงคลายถุงออกและให้ลูกน้องที่จบหลักสูตรพยาบาลสนามของตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อนและมีความรู้เรื่องการช่วยเหลือผู้หมดสติทำซีพีอาร์และจับชีพจร พบชีพจรยังเต้นอยู่ โดยยังใช้มืออังที่จมูกพบว่ามีลมหายใจ ก่อนตัดสินใจนำส่งรพ.

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ผกก.โจ้ เผยอีกว่า เมื่อถึงรพ.แล้วผู้ต้องหาก็ยังมีลมหายใจ วัดชีพจรปกติ ความดันปกติ ระดับออกซิเจนปกติ และแพทย์ไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ อีกทั้งการย้ายรพ.ไปยัง รพ.สวรรค์ประชารักษ์ อีกทอดหนึ่งนั้น ผกก.โจ้ยืนยันหากผู้ป่วยอาการหนักขั้นโคม่าจริง แพทย์จะไม่ย้ายโรงพยาบาลให้เกิดความเสี่ยงอย่างแน่นอน ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไม่ต้องใช้ถังออกซิเจน เพื่อช่วยหายใจแสดงว่าอาการยังไม่หนัก โดยตนได้โทรศัพท์ติดตามสอบถามอาการจากทางโรงพยาบาลอยู่ตลอด ซึ่งยืนยันกลับมาทุกครั้งว่านายจิระพงศ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ต่อมาเสียชีวิตลงก็น่าจะมาจากสาเหตุอื่น ไม่ใช่การขาดอากาศหายใจจากถูกถุงคลุมศีรษะ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ผกก.โจ้ ยังมีความมั่นใจด้วยว่า หลังจากนี้อีกสักระยะ น่าจะได้รับการประกันตัว โดยจะใช้หลักฐานในประเด็นการเสียชีวิตของผู้ต้องหาที่พวกตนไม่ได้ทำให้เสียชีวิต อันจะทำให้พฤติการณ์ของคดีเบาลง รวมถึงประเด็นการขอมอบตัวเองไม่ได้หลบหนี

สาเหตุที่ไม่ยื่นประกันตัวในช่วงนี้ เนื่องจากมีกระแสสังคมกดดันค่อนข้างสูง และการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ศาลคงไม่ให้ประกันตัว จึงจะขอยื่นประกันตัว หลังจากรวบรวมหลักฐานทำไปได้สักระยะหนึ่ง เพราะจะหมดเหตุคัดค้านการประกันที่ว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ถึงตอนนั้นจึงให้ทนายความยื่นประกันตัวและพร้อมสู้คดีจนถึงที่สุด.