สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า นอกเหนือจากการกำหนดเป้าหมายใหม่ กลุ่ม จี7 ยังระงับการอนุมัติเส้นตายในปี 2573 สำหรับการลดการใช้ถ่านหินที่แคนาดา และประเทศสมาชิกอื่น ๆ ผลักดัน รวมถึงเปิดโอกาสสำหรับการลงทุนในก๊าซอย่างต่อเนื่อง โดยให้เหตุผลว่า ภาคส่วนดังกล่าว สามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นได้

รัฐมนตรีพลังงาน และรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของกลุ่มจี7 ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ก่อนการประชุมที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น

“ท่ามกลางวิกฤติพลังงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งสำคัญคือ การหามาตรการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไปพร้อมกัน” นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รมว.อุตสาหกรรมญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าว “ขณะที่มีการยอมรับว่า มันมีเส้นทางที่หลากหลายในการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลาง พวกเราเห็นพ้องถึงความสำคัญของการมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันในปี 2593”

ในแถลงการณ์ ประเทศสมาชิกให้คำมั่นร่วมกันว่า จะเพิ่มกำลังการผลิตลมนอกชายฝั่งอีก 150 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 และกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ให้มากกว่า 1 เทราวัตต์ 

นอกจากนี้ จี7 ยังตกลงที่จะเร่ง “การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลคงที่” ซึ่งเป็นการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยไม่ใช้เทคโนโลยีดักจับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระบบพลังงาน ภายในปี 2593 เป็นอย่างช้าที่สุด

“พันธกรณีด้านพลังงานแสงอาทิตย์และลม เป็นการแถลงครั้งใหญ่ถึงความสำคัญที่พวกเขาจะพึ่งพามหาอำนาจด้านพลังงานอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม เพื่อยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” นายเดฟ โจนส์ หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกจาก “เอมเบอร์” คลังสมองด้านพลังงาน กล่าว “ผมหวังว่าสิ่งนี้จะสร้างความท้าทายให้กับญี่ปุ่น ซึ่งลมนอกชายฝั่ง คือ ชิ้นส่วนที่หายไปสำหรับการลดคาร์บอนในภาคส่วนพลังงานที่เร็วกว่าที่คิดไว้อย่างมาก”.

เครดิตภาพ : REUTERS