เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 20 เม.ย. ห้องสุดท้ายแผนกนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี เขตดุสิต กทม. น.ส.ชุติกาญจน์ ธีระโรจนพงษ์ อายุ 44 ปี พร้อมด้วยนายกีรติ อาจหาญ อายุ 39 ปี มารดาและพ่อเลี้ยง เดินทางเข้ารับร่าง นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ หรือ จีจี้ อายุ 20 ปี เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง กรณีถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณศีรษะจนเสียชีวิต ภายในห้องพัก ชั้น 14 ของคอนโดมิเนียมหรู ย่านอโศก เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) เพื่อนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา โดยมารดาของน้องจีจี้ ได้นำชุดเสื้อผ้าของจีจี้มาเปลี่ยน ทั้งนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีญาติของ “นตท.” เดินทางมาติดต่อขอรับศพแต่อย่างใด

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวว่า ตนยังติดใจเรื่องพ่อของ “นตท.” ที่ให้ลูกพกอาวุธปืน ซึ่งตนก็รับรู้ว่าลูกคบกับ “นตท.” แต่ได้เลิกรากันไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับมาคบกัน แต่ครั้งนี้ตนได้พยายามเตือนลูก เพราะเป็นห่วง แต่น้องจีจี้ก็ไม่พูดความจริงว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่ช่วงหลังน้องกลัวแม่จะเป็นห่วง จึงบอกว่าคบกันดี ปกติ แต่เพื่อนของจีจี้จะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางฝั่งพ่อแม่น้องจีจี้ และฝั่งพ่อแม่ “นตท.” ก็มีการติดต่อกันตลอด เพราะไม่อยากให้ลูกคบกัน แต่ด้วยความที่เด็กทั้งสองคนดื้อ ก็พยายามจะคบกันให้ได้ ส่วนตัวตนไม่อยากให้คบ เนื่องจาก “นตท.” เป็นคนที่อารมณ์รุนแรงชอบยิงปืน มักไปยิงปืนเป็นประจำ ตนจึงกลัวว่าวันหนึ่งพกปืนมาแล้ว หากทะเลาะกันในห้องระหว่างอยู่กันลำพังสองคน โดยที่ไม่มีใครห้าม ตนก็เคยเตือนลูกไปแล้ว แต่น้องจีจี้ ตอบว่าไม่มีหรอก

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางฝั่งครอบครัวของ “นตท.” ก็ได้มาขอโทษ ก็มีการคุยกัน แต่ตนก็ขอรับศพลูกให้เสร็จก่อน ตนก็เข้าใจในความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ต้องเสียลูกไปเช่นกัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีการโทรฯ ติดต่อกันตลอดกับครอบครัว “นตท.” เนื่องจากติดต่อลูกไม่ได้ ตั้งแต่คืนก่อนเกิดเหตุ โดยปกติน้องจีจี้ จะอ้างว่าอีก 3-4 ชั่วโมง จะโทรฯ กลับ แต่มาครั้งนี้ผ่านไปหลายชั่วโมงไม่อ่าน LINE จนมาถึงช่วงประมาณเที่ยงตน จึงเอะใจ จึงรีบขับไปดู แต่ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับพ่อแม่ “นตท.” ตลอด ซึ่งทางบ้าน “นตท.” ก็บอกกับตนว่า ติดต่อ “นตท.” ไม่ได้ จึงพยายามให้ตนโทรฯ หาน้องจีจี้ให้ ซึ่งตนก็ไม่ได้สังหรณ์ใจอะไร เนื่องจากว่าน้องจีจี้ มักบอกกับตนว่าคุยกันดีมีความสุขดี จนมาทราบจากเพื่อนของจีจี้ว่า หลังๆ น้องเริ่มกลับมาทะเลาะกับ “นตท.”

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวอีกว่า มันเป็นความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนก็พยายามห้ามลูกสาว ซึ่งตนพูดอะไรไม่ออก ส่วนเรื่องอื่น เรื่องคดีความค่อยคุยที่หลัง แต่ตอนนี้ ต่างคนก็ส่งลูกไปขึ้นสวรรค์ก่อน อยากบอกกับน้องจีจี้ว่า “หนูไปสบายแล้วนะ ไปเกิดเป็นนางฟ้านะลูก ให้ลูกหมดห่วง แม่ก็จะทำให้ดีที่สุด พยายามส่งศพน้องไปให้ดีที่สุด”

ส่วนการก่อเหตุเรื่องของบุคคลที่ 3 นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน พอเป็นเรื่องที่สองคนทะเลาะกัน ซึ่งปกติมักทะเลาะกันเป็นประจำ และจะทำร้ายร่างกายกัน ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง และเกิดจากความอารมณ์ร้อน ส่วน “นตท.” มีอาการป่วยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ทางพ่อแม่ของ “นตท.” เคยบอกกับตนว่า เอา “นตท.” ไม่อยู่ เพราะเลี้ยงลูกแบบตามใจ ทำให้ระงับอารมณ์ลูกไม่อยู่

น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนอาวุธปืนที่ “นตท.” ใช้ ตนคิดว่าเมื่อซ้อมยิงปืนเสร็จ พ่อ “นตท.” น่าจะเอาปืนกลับบ้าน ตนไม่คิดว่าจะพกปืนออกมาแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่จีจี้ก็ได้ไปฝึกยิงปืนกับ “นตท.” ด้วย ซึ่งล่าสุดหลังสงกรานต์ จีจี้ก็ได้ฝึกยิงปืนกับ “นตท.” ด้วย แต่คิดว่าหลังฝึกยิงคงให้คนขับรถนำปืนไปเก็บไว้ที่บ้าน ไม่คิดว่าจะพกมาแบบนี้

นายกีรติ พ่อเลี้ยงกล่าวว่า ลูกอายุเพียง 19 ปี ไม่ควรให้พกปืน และไม่น่าจะเข้าสนามปืนได้ ซึ่งตนก็ไม่ค่อยรู้กฎหมาย น.ส.ชุติกาญจน์ กล่าวด้วยว่า สุดท้ายตนอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหากจะให้เจรจาก็ยอมได้เพราะก็ไม่อยากให้ใครสูญเสีย ซึ่งตั้งแต่ลูกคบกัน ก็มีการคุยกันดีมาตลอด และก็ไม่ยินยอมให้ลูกมาคบกัน แต่ถ้าคุยกันแล้วไม่ลงรอยก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง

เบื้องต้นหลังรับร่างน้องจีจี้ ทางมารดาและพ่อเลี้ยงจะนำพระสงฆ์ไปสวดอัญเชิญวิญญาณบริเวณจุดเกิดเหตุ คอนโดฯ ย่านอโศก ก่อนจะนำร่างของ น.ส.สุพิชชา ไปตั้งสวดอภิธรรม ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เพื่อทำพิธีทางศาสนาต่อไป.