เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 26 เม.ย. พล.ต.ต.สราวุธ จินดาคำ ผบก.น.3 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม รอง ผบก.น.3 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี โดยพ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.ชนันท์ธัช แก้วทอง พ.ต.ต.ประจักษ์ กุลนาพันธ์ สว.สส.สน.มีนบุรี พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ร่วมกันจับกุมตัวนาย สำราญ หรือ บังรอน ส้มปล่อย อายุ 46 ปี พร้อมของกลาง บัตรประจำตัวประชาชนของ ผู้เสียหาย 2 ใบ เงินสด จำนวน 50,000 บาท สร้อยคอทองคำ พร้อมจี้ จำนวน 1 เส้น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีดำ-แดง ทะเบียน วมว 277 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจ 1 ดอก เสื้อแขนสั้น สีดำ จำนวน 1 ตัว กางเกงขาวยาว สีดำ จำนวน 1 ตัว (ผู้ถูกจับสวมใส่) หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ สีดำ จำนวน 1 ใบ กระเป๋า ถุงมือผ้า ฯลฯ รวม 17 รายการ โดยจับกุมตัวได้เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 22 เม.ย. สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส อรพินณ์ ศรีวงแสน อายุ 50 ปี ว่าได้ขับรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศฎ 1593 กรุงเทพมหานคร มาร่วมงานที่มัสยิดก้มมารุ้ดอิสลาม ซอยประชาร่วมใจ 48 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ประมาณ เวลา 10.30 น. และได้ลงไปทำธุระ ภายในมัสยิด เสร็จจากทำธุระประมาณ 11.00 น. เมื่อกลับมาที่รถ พบว่ารถของตนถูกทุบกระจกด้านหลังคนขับ เมื่อตรวจสอบทรัพย์สิน พบทรัพย์สินได้หายไปหลายรายการ ประกอบด้วย กำไรข้อมือทองคำ เส้นละ 1 บาท จำนวน 3 เส้น สร้อยคอทองคำเส้นละ 1 บาท จำนวน 4 เส้น จี้ทอง 2 ชิ้น เงินสด ประมาณ 8, 000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง กระเป๋าสะพาย 3 ใบ รวมมูลค่าประมาณ 400,000 บาท

ภายหลังเจ้าที่รับแจ้งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง สามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานอนุมัติหมายจับศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับ จนสามารถติดตามตัวจับกุมได้ในที่สุด

จากการการสอบสวน นายสำราญ ส้มป่อย ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ได้ไปสมัครงานที่โรงงานฟาร์มเฮาส์ พื้นที่ สน.ฉลองกรุง พบรถ จยย. ฮอนด้า เวฟ 110 สีดำ-แดง ทะเบียน อฉบ 32 กรุงเทพมหานคร จอดพร้อมคากุญแจอยู่ จึงได้เข้าไปทำการลักรถ จยย.ดังกล่าว เอามาติดแผ่นป้ายทะเบียน วมว 277 กรุงเทพมหานคร แล้วใช้ขับขี่และไปทำงาน ต่อมาเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ได้มาทำพิธีละหมาดที่มิสยิดดังกล่าวด้วย เมื่อออกจากมัสยิดสังเกตุรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างๆ ซึ่งติดฟิล์มใสจึงมองเห็นกระเป๋าวางอยู่เบาะหลัง จำนวน 2 ใบ เชื่อว่ามีทรัพย์สิน จึงได้ใช้อิฐตัวหนอนที่วางอยู่ข้างต้นไม้ ทุบกระจกแล้วเอาทรัพย์สินไปหลบหนีไป ระว่างทางได้เอาโทรศัพท์ ทิ้งข้างทาง 1 เครื่อง แล้วลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตามสูตรจักจั่นลอกคราบเพื่อไม่ให้ตำรวจตามได้ก่อนหลบหนีไป

จากนั้นเอาทองไปขายที่ตลาดมีนบุรี แล้วบางส่วนเอาไปเปลี่ยนเป็นเส้นใหม่ จำนวน 2 บาท ที่ร้านทองย่านตลาดคลอง 16 อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนเงินที่ได้เก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัว

อย่างไรก็ตามจาก การตรวจสอบประวัติการกระทำความผิด พบว่า เคยต้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์รวมกว่า 10 คดี ต้องคดียาเสพติด 4 คดี และคดีอื่นๆ 1 คดี รวม 15 คดี หลังจากนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.