จากกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาเปิดเผยถึงคดีสุดสะเทือนขวัญ คดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ “แอม” ภรรยาของนายตำรวจจังหวัดราชบุรี ผู้ต้องหาคดีฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบสารพิษในในร่างกายของเพื่อนสาวชาว จ.กาญจนบุรี ที่ไปเที่ยวด้วยกัน โดยมีมูลเหตุมาจากเรื่องหวังในทรัพย์สิน รวมถึงประเด็นการฆ่าล้างหนี้ ภายหลังยังพบว่า พฤติกรรมของ แอม ไปเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตปริศนาของบุคคลรวม 14 ราย และน่าจะมีเพิ่มอีกจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่สโมสรนำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ภายหลังคณะชุดทำงาน ทีมสืบสวนสอบสวนคดี “แอม ไซยาไนด์” ประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์นานกว่า 5 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม บช.น. ในฐานะหัวหน้ารวบรวมสำนวนคดี และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

พล.ต.ต.นำเกียรติ เผยว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นเรื่องของการนำข้อมูลในแต่ละท้องที่เกิดเหตุเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งล่าสุดเหยื่อในคดีตามข้อมูลในสำนวนตอนนี้ ยังคงอยู่ที่ 13 ศพ และรอดชีวิต 1 ราย โดยกองปราบฯ ยังคงทำคดี “ก้อย” เพียงคดีเดียว ส่วนคดีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละในพื้นที่ ซึ่งยังคงเน้นย้ำให้ ผบช.ภ.7 ตั้งศูนย์วอรูมเพื่อรับเรื่องราวของเหยื่อและสามารถเข้ามาแจ้งเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนกระแสข่าวเรื่องในการออกหมายจับเพิ่มในวันนี้ ยืนยันยังไม่มี เพราะล่าสุดคดีที่ออกหมายจับเพิ่มแอม คือ คดีของสารวัตรปู ในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม

ขณะที่ประเด็นการสอบปากคำ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีแอมเมื่อวานนี้ เป็นสิทธิที่เขา จะให้การอย่างไรก็ได้ และทางตำรวจมีสิทธิที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการอยู่แล้ว รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน โทรศัพท์ของทั้งสองคนว่า มีความสัมพันธ์หรือมีความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง โดยหลังจากนี้ จะต้องเชิญอดีตสามีแอมกลับมาให้ปากคำอีกครั้ง

ส่วนกรณีเมื่อวานนี้ ที่ได้เรียกครอบครัวของหนิม เคสผู้เสียชีวิตรายล่าสุดมาสอบปากคำ เนื่องจากพบเส้นทางการเงินที่แอมโอนไปให้จำนวนมาก เบื้องต้นมีข้อมูลว่ามีการโอนเงินให้จำนวนหลักแสนบาทในส่วนนี้ จากการสืบสวนพบว่า แอมมีหลายบัญชีในเรื่องของการเบิกจ่ายเงิน จึงต้องไปตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับใครหรือไม่

จากการตรวจสอบรถเก๋งสีดำของแอมแล้ว ปรากฏว่า ตรวจพบ “ไซยาไนด์” ประเด็นนี้ต้องรอตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง ขณะเดียวกันกระแสข่าวที่พบกล่องวัสดุที่มีการสั่งซื้อยามาจากต่างประเทศ และมีการระบุชื่อชัดเจนนั้น ยังไม่พบข้อมูลในส่วนนี้

นอกจากนี้ จากการสอบปากคำนายกอล์ฟ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่ไปเก็บเงินกู้กับนายแด้ ผู้เสียชีวิต ที่จังหวัดอุดรธานี เบื้องต้นเมื่อวานนี้เรียกมาสอบในฐานะ “พยาน” เพราะว่า พบว่ามีความสนิทสนมกับแอม และนายแด้ผู้เสียชีวิต โดยเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ และยังไม่ได้รับสารภาพตามกระแสข่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า จากการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ พบผู้เสียชีวิตที่ปรากฏชัดเจนว่า แอมวางไซยาไนด์ 2 ศพ ในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง และเมืองนครปฐม โดยผลการตรวจพบไซยาไนด์ มีปริมาณเป็นเหตุทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ในปริมาณเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ทั้งหมดอยู่ในสำนวนแล้ว

ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและมีการเผาศพไปแล้วนั้น ยืนยันว่าจะหาหลักฐานความอื่นๆ ที่จะเชื่อมโยงเอาผิดกับแอมได้ ซึ่งพยานหลักฐานไม่ได้มีเพียงเรื่องสารพิษในร่างกายศพเพียงปัจจัยเดียว ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลเห็นว่าผู้กระทำผิดกระทำผิดจริง ซึ่งในขณะนี้ มีแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ผู้เสียชีวิตเสียชีวิตจากสารพิษจริง แต่ไม่ขอระบุรายละเอียด

เมื่อสอบถามถึงปริมาณไซยาไนด์ว่า ต้องมีการใช้เท่าไหร่ ถึงจะทำให้ผู้ที่กินเข้าไปแล้วเสียชีวิตได้ พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เรื่องการกินเข้าไป ขณะท้องว่างหรือมีอาหารในกระเพาะ ซึ่งมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา