เมื่อวันที่ 6 พ.ค. สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในบรรดาเลขลอตกระปุกสารไซยาไนด์เดียวกับนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าวางยาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 14 ราย โดยปรากฏว่ามีนักแสดงสาวชื่อดังรายหนึ่ง ได้สั่งซื้อไซยาไนด์เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา อีกทั้งทางตำรวจได้มีการออกหมายเรียกในฐานะพยาน เพื่อขอเข้าให้ข้อมูลถึงวัตถุประสงค์การสั่งซื้อ จนโซเชียลมีเดียต่างมีการคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่า นักแสดงสาวดังกล่าวคือใคร กระทั่ง นางบังอร พงษ์ธนานิกร แม่ของไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ได้ออกมายอมรับและเปิดเผยว่า สั่งซื้อไซยาไนด์จริง เพื่อใช้กำจัดกับสัตว์อันตรายที่เข้ามาภายในบ้านเท่านั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยเชิงลึกจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.ภ.4 และในฐานะคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี “แอม ไซยาไนด์” ในรายละเอียดความคืบหน้าการตรวจสอบกระปุกสารไซยาไนด์ ว่า ขวดไซยาไนด์ที่ แอม-สรารัตน์ ใช้นั้น เชื่อว่าเป็นหนึ่งในหลักร้อยขวดที่เราอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คาดว่าเร็วๆ นี้คงหาเจอ เพราะลอตนี้มีแค่ 2,000 ขวด ที่เข้ามาในประเทศไทย และในลอตนี้มีการจำหน่ายออกไปแล้ว จึงเหลือประมาณ 400-500 ขวด ซึ่งกรณีของแอมไม่ใช่การซื้อตรง เชื่อว่าเป็นการซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่อาจจะไม่ใช่เจ้าตัวซื้อเอง อาจจะเป็นคนอื่นซื้อ หรือใช้ชื่อคนอื่นซื้อ เพราะเขาค่อนข้างฉลาดพอสมควร ดังนั้น ขณะนี้ กล่องพัสดุที่บรรจุกระปุกสารไซยาไนด์ที่เเอมสั่งซื้อมานั้น ยังคงอยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบค้นหา แต่ในเร็วๆ นี้คงพบ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นในการซื้อ-ขายสารไซยาไนด์นั้น ไม่ได้มีเพียงดีลเลอร์ แต่มีเทรดเดอร์ด้วย ซึ่งบริษัทแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจค้น มีการนำเข้าและขายไปยังเทรดเดอร์ ซึ่งบริษัทนี้ก็ได้ทำการตลาด จึงทำให้มีลูกค้ามาสั่งซื้อไป ซึ่งต้นทางของนักแสดงสาว อ. ก็มาจากที่นี่ จากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสักระยะ เพื่อดูว่าบริษัทแห่งนี้ได้ขายให้ใครบ้าง

อย่างไรก็ตาม นักแสดงสาว อ. มีการสั่งซื้อเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งก็คือการซื้อหลังเหตุเกิดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่ขวดของวันเกิดเหตุในคดีแอม แต่เจ้าหน้าที่เพียงต้องการทราบว่า นักแสดงสาวซื้อไปทำอะไร เพราะเป็นสารอันตราย และเราไม่อยากให้เหตุเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ตนยืนยันว่านักแสดงสาวไม่เกี่ยวข้องในตัวคดี แอม-สรารัตน์ แน่นอน อีกทั้งทราบว่า นักแสดงสาวก็ได้นำขวดไซยาไนด์ที่สั่งซื้อมานั้น ไปสำแดงให้ตำรวจ สน.บางเขน ดูแล้ว

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการที่บุคคลใดก็ตามสั่งซื้อไซยาไนด์ คือ ต้องดูที่วัตถุประสงค์การสั่งซื้อ เช่น ซื้อไปทำอะไร หรือซื้อต่อเพื่อไปขายให้ใคร แล้วบุคคลที่ซื้อนั้น นำไปทำอะไรต่อไป ถ้าหากระบุว่านำไปฆ่าสัตว์ ตรงนี้ก็อาจจะมีสารตัวอื่นหรือไม่ ที่จะปลอดภัยต่อตัวผู้ใช้และสภาพแวดล้อมมากกว่า เพราะว่าภายหลังจากใช้เสร็จ ต้องดูว่าผู้ใช้มีการกำจัดทิ้งอย่างไร นำไปทิ้งในแม่น้ำลำคลองหรือไม่ หรือผงของสารปลิวไปเจือปนหรือปะปนเข้าระบบทางเดินหายใจของใคร ตรงนี้ก็เป็นปัญหาได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกับนักแสดงสาวว่า สารตัวดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้ฆ่าสัตว์หรือกำจัดสัตว์ต่างๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า เจ้าตัวพยายามหาสารเคมีที่ออกฤทธิ์แรง เพื่อกำจัดสัตว์ต่างๆ บรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ในกรณีของนักแสดงสาว หากพิสูจน์เจตนาจนเสร็จสิ้น ก็อาจจะไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากตัวกฎหมายระบุว่า การนำเข้า-ส่งออกไซยาไนด์ จะต้องได้รับการอนุญาต แต่ในการครอบครอง หากมีจำนวน 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป จึงจะมีความผิด ซึ่งกระปุกไซยาไนด์ที่นักแสดงสาวสั่งมามีปริมาณเพียง 250 กรัม อย่างไรก็ตาม ตรงนี้คือช่องว่างของกฎหมาย ซึ่งเราก็ได้มีการประชุมร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อหาวิธีป้องกันและควบคุมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วสารไซยาไนด์จะอยู่ที่ประเทศต้นทางผลิต อย่างลอตของบริษัทที่ตำรวจเข้าตรวจค้นในพื้นที่ลาดกระบัง จะเป็นของประเทศสเปน ซึ่งถ้าหากประเทศต้นทางเป็นสเปน จะไม่ได้มีการต้องระบุว่าใครซื้อ และวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้คืออะไร ทำให้ทางบริษัทแห่งนี้จึงเอามากักตุนได้ แต่ถ้าประเทศต้นทางการผลิตเป็นประเทศเยอรมนี เบลเยียม ญี่ปุ่น หรือยี่ห้ออื่นๆ หากสั่งซื้อเข้ามา จะต้องระบุว่าไปขายให้ใครบริษัทประเทศนั้น จึงจะส่งมาให้

“แต่พอยี่ห้อสารไซยาไนด์ที่บริษัทแห่งนี้นำเข้า มีต้นทางผลิตที่ประเทศสเปน พอนำเข้ามาก็ตุนไว้รอขาย บางครั้งนำเข้ามาจำนวน 500 กิโลกรัม หรือ 2,000 ขวด ขายออกไม่หมดก็สต๊อกไว้ แต่ไม่ได้ทราบว่าคนซื้อ ซื้อไปใช้ทำอะไรบ้างมันจึงเกิดปัญหาขึ้นมา ส่วนที่บริษัทอื่นๆ ไม่มีปัญหา เพราะสั่งซื้อแล้วมีการระบุว่าไปขายใคร จากนั้นก็จะมีการตรวจสอบด้วยว่า คนซื้อคนนั้นนำไปใช้ทำอะไร บริษัทต้นทางที่ผลิตจึงจะจัดส่งให้ มันเลยไม่มีสต๊อก แต่บริษัทแห่งนี้มีสต๊อก 2,000 ขวด ไว้ตั้งแต่ปี 2564 ขายไปแค่ 1,400 ขวด เพราะเขามั่นใจว่ามีลูกค้าซื้อ โดยสั่งซื้อมาปีละ 500 กิโลกรัม (2,000 ขวด) และเมื่อปี 63 ก็มีการสั่งเข้า 2,000 ขวด เช่นเดียวกัน ปรากฏว่าระหว่างปีดังกล่าว บริษัทแห่งนี้ขายไม่หมด จึงเหลือสต๊อก ต้องเอาของปี 64 มาขายในปี 65 จึงกลายเป็นลอตที่เกิดเหตุแอม ไซยาไนด์” พ.ต.อ.ภาคภูมิ ขยายความ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า เจ้าของบริษัทจะไม่มีความผิดจากเรื่องนี้ เพราะตามกฎหมาย เขามีการขออนุญาตนำเข้าถูกต้อง และสารไซยาไนด์ที่บริษัทเก็บไว้ มันไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม เพราะเอาเข้ามาทีละ 500 กิโลกรัม แต่ปัญหาอยู่ที่การควบคุม และถึงแม้เป็นสุญญากาศ เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องเร่งหาวิธีการแก้ไข อุดช่องว่างไม่ให้เกิดเหตุขึ้น อย่างเช่นกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะมีการออกมาตรการควบคุม

ส่วนกระแสเรื่องสารต้านไซยาไนด์ของแอมนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ตนมองว่าแอมอาจจะไม่ได้ทำคนเดียว อาจจะมีคนช่วยจัดหาสารตัวนี้มาให้ หรือมีคนบอกแนะนำวิธีการใช้ บอกความอันตรายแล้วก็โทษของสาร รวมถึงการป้องกันจากการใช้สารตัวดังกล่าว ซึ่งบุคคลดังกล่าวอาจจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องสารเคมี เพราะสารไซยาไนด์ไม่ใช่สารที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย มันถูกใช้ในอุตสาหกรรม หรือในห้องแล็บวิทยาศาสตร์เท่านั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่มีความรู้แต่ต้องรู้ถึงการเข้าถึงแหล่งที่มาของสารดังกล่าวด้วย

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุด้วยว่า หากบุคคลดังกล่าวรู้ว่าคนใช้สารตัวนี้นำไปใช้ทำอะไร หรือรู้ว่าจะเอาไปฆ่าคนหรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ตรงนี้จะมีความผิดซึ่งเราก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง อีกทั้งตนได้สอบถามเรื่องดังกล่าวกับแอมแล้ว แต่พอคุยเรื่องคดี แอมจะร้องไห้ทันที ไม่ได้ให้การ แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังคงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานจนมาไกลมากแล้ว และทุกอย่างล้วนเข้าองค์ประกอบ มีความสอดคล้องกันไปหมด ทั้งการบังเอิญรู้จักคน หรือบังเอิญเจอใครคนนั้นก็เสียชีวิต ตนมองว่ามันไม่ได้มีอะไรบังเอิญขนาดนั้นบนโลกใบนี้

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุปิดท้ายว่า หลังจากนี้คงจะได้มีการปรึกษาพูดคุยเรื่องสำนวนคดีกับพนักงานอัยการ เพราะเราไม่ได้อยากมองเพียงแค่ในมุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อยากให้สำนวนมีความรอบคอบ รัดกุม ครบถ้วน จึงขอให้สังคมไม่ต้องห่วง พนักงานสอบสวนทุกชุดคณะ เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่.