เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ออกรายการผ่านทาง TikTok และ Instagram Live หัวข้อ “หมดเปลือกเพื่อไทย” โดยมีนายคชาภา ตันเจริญ หรือ “มดดำ” พิธีกรรายการทีวีชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง

นายเศรษฐา กล่าวว่า วานนี้ ( 7 พ.ค.) ปรากฏการณ์คนไทยออกไปใช้สิทธิล่วงหน้า 91.83% นั้น ถือว่าดีมาก เพราะว่าเป็นการตื่นตัว ถือว่าเป็นการดี เข้าใจว่าการเมืองช่วง 8 ปีที่ผ่านมาคงแย่มากๆ คนอัดอั้น ทำให้มาใช้สิทธิล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก พร้อมเป็นห่วงสภาพอากาศร้อน อยากฝากไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เข้มงวดดูแลการเลือกตั้งให้มีความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีก 6 วัน ที่มีกระแสว่าหากเลือกพรรค พท. จะไปเล่นเกมจับมือกับ 2 ป. อยู่ดีนั้นนายเศรษฐา กล่าวว่า เรายึดโยงกับประชาชนไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา 2 ป.แน่นอน

เมื่อถามถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เศรษฐา กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาเราอยู่ในหลุมดำแห่งความยากจนภายใต้รัฐบาลปัจจุบันและในเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้จมลึกอยู่ในความไม่เท่าเทียม แม้จะมีการช่วยเหลือ แต่จำนวนแค่ 500 บาทไม่เพียงพอ 10,000 บาทจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬารไม่ต้องกู้เพิ่ม

เมื่อถามว่า พรรค พท. ขายความกลัวไม่เหมือนกับพรรคอื่นขายความหวัง เศรษฐา กล่าวว่า เราไม่ได้ขายความกลัว เราขายความชัวร์ว่า 8 ปีที่ผ่านมาแย่ขนาดไหนตกต่ำขนาดไหนเจ๊งขนาดไหนเรายังมีความเสี่ยงอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนโดยคณะรัฐประหารมีการสืบทอดอำนาจโดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ที่เป็นต่อ 250 ต่อ 0 จึงต้องเลือกให้ชัวร์ เลือกพรรค พท. ทั้ง 2 ใบ ทั้งคนทั้งพรรค ให้แลนสไลด์ในการจัดตั้งรัฐบาล จะได้ไม่ต้องคาอยู่ในหลุมดำแห่งความไม่แน่นอน ทำให้ต้องมีการดีเลย์จัดตั้งรัฐบาลเข้าไปอีก

เมื่อถามว่า ถ้าพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาลใครจะเป็นนายกระหว่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับตนเอง นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะเป็นประกันว่าจะมีตัวแทนนายกฯจากพรรค พท. ถ้าน.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ตนก็ยังอยู่ไม่ได้หนีไปไหนเพราะลาออกจากบริษัท แสนสิริ แล้ว คนแก่กลัวอย่างตนกลัวอย่างเดียวคือกลัวไม่มีบ้านอยู่ และหากให้ตนเป็นนายกฯเชื่อว่าน.ส.แพทองธารก็ยังช่วยเหลือกันอยู่

เมื่อถามว่าทำไมแคนดิเดตพรรค พท. ไม่กล้าดีเบต นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของความกล้าไม่กล้า หรือขี้ขลาดแต่การเป็นแคนดิเดตนายกฯ เรามี การแสดงวิสัยทัศน์ต่างกันไป ตนเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ นโยบายของพรรคมีความซับซ้อน ต้องการความเข้าใจมีหลายมิติการออกไปพบปะพี่น้องประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่การปราศรัย

“ไปถกกันบนเวทีดีเบตมันช่วยตรงนี้หรือเปล่ามันไม่ได้ช่วย ต้องไปหน้าดำคร่ำเครียดลงพื้นที่กับพี่น้องสวนยางจริงๆ ผมไปเถียงบนเวทีกับแคนดิเดตนายกฯอื่น เขาจะเถียงได้หรือเปล่า ผมมีความพยายามมีความอยากรู้อยากเห็นในการแก้ปัญหา ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราคายางกิโล 80 บาท รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ราคายาง 4 กิโล 100 ผมอยากเข้าถึงประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว