จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ประกาศจับมือเพื่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่ กับพรรคการเมืองได้แก่ พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคไทยสร้างไทย, และพรรคเสรีรวมไทย พร้อมทั้งระบุว่า กำลังติดต่อ พรรคเป็นธรรม เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยนั้น

หากย้อนดูข้อมูลของ “พรรคเป็นธรรม” นั้น จะพบว่าเป็นพรรคใหม่ ที่มี ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นหัวหน้าพรรค, นายกัณวีร์ สืบแสง เป็นรองหัวหน้าพรรค และประธานยุทธศาสตร์พรรค พร้อมด้วย ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 และมีนายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล เลขาธิการพรรค สำหรับที่ปรึกษาพรรค คือ ดร.ชุมพล ครุฑแก้ว และยังมี “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” หรือ “เสธ.แมว” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาเป็น “ที่ปรึกษาส่วนตัวของหัวหน้าพรรค”

สำหรับ “ดร.ปิติพงศ์” เรียกได้ว่าประวัติการทำงานทางการเมืองมีมาอย่างโชกโชน โดย..
– นั่งเก้าอี้ ส.ส. ถึง 3 สมัย โดยเคยสังกัดทั้งพรรคประชากรไทย พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ระหว่างปี พ.ศ. 2538-2549
– เคยเป็นเลขานุการ รมว.ยุติธรรม (ชัยเกษม นิติสิริ)
– เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
– เป็นเลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ชูศักดิ์ ศิรินิล) สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
– เป็นเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ (นพดล ปัทมะ) สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร
– เคยเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ กมธ.ติดตามป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ กมธ.การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

นอกจากนี้ ทางด้านประสบการณ์ทำงานของ นายกัณวีร์ สืบแสง หรือ นวล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของ “พรรคเป็นธรรม” นั้น เคยนั่งเก้าอี้หัวหน้าสำนักงานภาคสนาม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ใน 8 ประเทศ เช่น ประเทศไทย (แม่ฮ่องสอน) เมียนมา บังกลาเทศ ซูดาน ซูดานใต้ และฟิลิปปินส์ และเขายังเคยเป็นประธานมูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และพื้นที่สงคราม การช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัย และด้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ สำหรับนโยบายของ “พรรคเป็นธรรม” ได้ชูแนวทาง 4 เปลี่ยน 3 สร้าง และแนวทาง 4 สู้ ซึ่งมีความสอดคล้องกับการทำงานนโยบายของพรรคก้าวไกล นั่นคือ

“4 เปลี่ยน”
1. เปลี่ยนความมั่นคงทางทหารให้เป็นความมั่นคงของมนุษย์
2. เปลี่ยนให้ชุมชนกำหนดอนาคตการพัฒนาแทนทุนใหญ่
3. เปลี่ยนชายแดนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
4. เปลี่ยนเสียงประชาชนเป็นนโยบาย นำไปสู่การร่างกฎหมายที่ประชาชนมีส่วนร่วม

“3 สร้าง”
1. สร้างเศรษฐกิจฐานรากจากนโยบายที่เรียกว่า “การทำงาน ณ ถิ่นกำเนิด”
2. สร้างสันติภาพผ่าน Smart Power
3. สร้างสันติภาพที่กินได้ ผ่านความเข้าใจ ยอมรับและเคารพในความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ศาสนาและความเชื่อ

“4 สู้”
1. สู้เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพแห่งประชาชนอันเป็นสิทธิโดยกำเนิด
2. สู้กับการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
3. สู้เพื่อรักษาอัตลักษณ์และชาติพันธุ์
4. สู้เพื่อให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของชาติ..

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายหลักๆ อีกคือ ยุบการปกครองส่วนภูมิภาค เห็นด้วยกับการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง, สร้างสันติภาพในปาตานี, ยกเลิกกฎหมายพิเศษทุกฉบับที่ใช้ในปาตานี, ถอนทหารออกจากพื้นที่ปาตานี, แก้ไขกฎหมายความมั่นคง, ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และยุบ ศอ.บต. และ กอ.รมน. อีกด้วย..