จากกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ 14 นาย รวบรวมรายชื่อร้องเรียนถูกอดีตผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยงรวม 128,800 บาท ขณะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อช่วงเดือน ก.ย.63 ที่ผ่านมา ต่อมา พ.ต.ท.ฐิติวันจ์ อาจน์ธรรม รอง ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ ออกมาชี้แจงว่า ช่วงเวลาดังกล่าว ตม.จว.สุรินทร์ ไม่มีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 เนื่องจากไม่ได้ของบประมาณ และเงินที่ปรากฏตามสื่อ จะดำเนินการการตรวจสอบว่าเป็นจริงหรือไม่ และจะดำเนินการตามระเบียบต่อไป ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

แจงปมตำรวจผู้น้อยร้อง “นาย” อมเบี้ยเลี้ยงโควิด ยันช่วงนั้นไม่มีเบิกจ่าย
เจ้านายขาอมโผล่อีก! ตม.สุรินทร์ร้องโดน ‘สารวัตร’ อมเบี้ยเลี้ยงโควิดปี63

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกองงานโฆษก บก.ตม.4 ได้ออกเอกสารแถลงการณ์ระบุข้อความว่า ตามที่ปรากฏตามสื่ออออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 กรณีตํารวจชั้นผู้น้อย ตม.สุรินทร์ 14 นายร้องสื่อถูกผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยงปฏิบัติงานป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 เกลี้ยง รวมกว่า 1.2 แสน แฉสั่งทุกนายให้โอนเงินคืนกลับเข้าบัญชีธนาคารของนายตํารวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ระดับสารวัตรนายหนึ่ง ช่วงนั้นไม่มีใครกล้าพูด กลัวถูกเล่นงาน นั้น บก.ตม.4 สตม. ขอรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ดังนี้

1.วันที่ 3 ก.ย.64 บก.ตม.4 ได้ทําการบันทึกถ้อยคํา ข้าราชการตํารวจที่เกี่ยวข้อง จํานวน 27 ราย (ระดับรองสารวัตร 14 นาย ชั้นประทวน 12 นาย และเจ้าหน้าที่การเงิน 1 นาย) ในกรณีดังกล่าวแล้วยืนยันว่า การเบิกจ่ายเงินงบประมาณสําหรับการเดินทางไปราชการเพื่อการ สืบสวนปราบปรามของ ตม.จว.สุรินทร์ ของชุดปฏิบัติการทุกนายได้รับเงินตามสิทธิ โดยจ่ายตรง เข้าบัญชีเจ้าหน้าที่แต่ละนาย ตามระเบียบของทางราชการ ครบถ้วนตามที่มีการขอเบิกจ่ายจริง ไม่มีการหักหรือตัดถอนเงินดังกล่าวแต่อย่างใด

ส่วนการที่เจ้าหน้าที่บางนายโอนต่อไปให้ผู้อื่นนั้น เป็นความสมัครใจของเจ้าหน้าที่เอง โดยรับว่า เป็นการชดใช้เงินค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าพาหนะเดินทางต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่บางส่วนได้สํารองจ่ายกันไปก่อน ในระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อได้รับเงินค่าเดินทางไปราชการแล้ว จึงชดใช้โดยโอนคืนไปให้ผู้สํารองจ่าย

2.บก.ตม.4 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ไม่พบการกระทําตามที่ปรากฏตามสื่อดังกล่าว ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทําผิดจะดําเนินการทางอาญา ทางปกครอง หรือทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกนายอย่างเด็ดขาด

ขณะที่ พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 ในฐานะโฆษก บก.ตม.4 กล่าวว่า หลังปรากฏเป็นข่าว พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4 ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว ชุดสืบสวนปราบปรามของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ มี ชุดปฏิบัติการสองชุด ชุดละ 14 นายรวมเป็น 28 นาย ซึ่งปัจจุบันยังรับราชการอยู่กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ 25 นาย ที่เหลือได้ย้ายตามวงรอบ แต่อยู่ในสังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร 1 นาย, ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุบลราชธานี 1 นาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ 1 นาย อย่างไรก็ตามได้ทำการสอบถาม บันทึกถ้อยคำไปทั้งสิ้น 27 นาย เหลือเจ้าหน้าที่ 2 นายที่สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดมุกดาหาร

โดยกรณีดังกล่าวไม่ใช่งบประมาณค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงาน โควิด-19 แต่เป็นงบประมาณค่าธรรมเนียมเสริมการปฏิบัติงานตามปีงบประมาณ 2563 ซึ่งโดยทั่วไปทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีงบประมาณ 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณของหน่วยราชการ ในห้วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2563 และส่วนที่ 2 เป็นงบค่าธรรมเนียม เสริมการปฏิบัติงานตามปีงบประมาณ ซึ่งในกรณีนี้ปรากฏว่า มีการตกเบิกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 ซึ่งปัจจุบันมีการเบิกจ่ายตามที่ขอไว้ในการปฏิบัติงานจริงเป็นที่เรียบร้อย”