สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ว่า การบุกค้นดังกล่าวเกิดขึ้นตามคำสั่งสอบสวนสมาชิกกลุ่ม “เลตซ์เต เจเนอเรชั่น” 7 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 22-38 ปี หลังทางการเยอรมนีแสดงท่าทีแข็งกร้าว ต่อการกระทำที่น่าจับตาของพวกเขา ในการประท้วงผลักดันให้มีการดำเนินการมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ตำรวจและอัยการของรัฐบาวาเรีย กล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า การบุกค้นเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนข้อสงสัยที่ว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวนี้ “กำลังจัดตั้งหรือสนับสนุนองค์กรอาชญากรรม” และผู้ต้องสงสัยทุกคนถูกกล่าวหาว่า จัดแคมเปญระดมทุนเพื่อเป็นทุนในการก่ออาชญากรรมอื่นเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ของกลุ่ม
Here's why authorities have carried out a nationwide crackdown on climate change activists in Germany: pic.twitter.com/7feZLCzwNU
— DW News (@dwnews) May 24, 2023
นอกจากนี้ ทางการเยอรมนี กล่าวเสริมว่า เลตซ์เต เจเนอเรชั่น รวบรวมเงินได้อย่างน้อย 1.4 ล้านยูโร (ราว 52 ล้านบาท) และเงินทุนส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เพื่อก่ออาชญากรรมต่อไป แม้ไม่มีการระบุ “อาชญากรรม” ตามที่กล่าวอ้าง แต่ทางการชี้ว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คน ถูกกล่าวหาว่าพยายามก่อวินาศกรรมท่อส่งน้ำมัน ระหว่างเมืองตรีเยสเต ของอิตาลี กับเมืองอิงกอลชตัท ของเยอรมนี ซึ่งถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ” ของรัฐบาวาเรีย
อนึ่ง นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศหลายคนถูกนำตัวขึ้นศาล ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเขาทำการปิดถนนรบกวนการจราจร หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผลที่ตามมาคือการถูกสั่งปรับ ทว่าศาลบางแห่งเริ่มตัดสินโทษจำคุกแล้ว
อีกด้านหนึ่ง โชลซ์, พันธมิตรของเขา รวมถึงพรรคกรีนส์ ต่างแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อกลุ่มนักเคลื่อนไหว พร้อมกับกล่าวว่า การปิดถนนไม่มีส่วนช่วยในการปกป้องสภาพอากาศ และมีแต่จะสร้างความรำคาญให้กับประชาชนคนอื่นๆ เท่านั้น
ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวโต้แย้งว่า การประท้วงของพวกเขามีความสำคัญ เพราะรัฐบาลและสังคมดำเนินการน้อยเกินไป อีกทั้งเป้าหมายด้านสภาพอากาศของรัฐบาลเบอร์ลิน ไม่ทะเยอทะยานมากพอ ที่จะหยุดยั้งไม่ให้โลกเข้าสู่ภาวะโลกร้อนซึ่งแก้ไขไม่ได้.
เครดิตภาพ : AFP