สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ว่า สำนักงานเลขาธิการคณะผู้บริหารฮ่องกง ออกแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เรียกร้องสหราชอาณาจักรยุติการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง “ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจีน”

ขณะเดียวกัน เนื้อหาในแถลงการณ์ขยายความว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) บัญญัติเพื่อใช้กับฮ่องกงโดยเฉพาะ เมื่อปี 2563 มีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเสถียรภาพและความปลอดภัยให้กลับคืนสู่ฮ่องกง ซึ่งเผชิญกับการประท้วงอย่างหนักหน่วงเมื่อปี 2562 พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า กฎหมายทุกข้อของฮ่องกง รับประกัน “สิทธิของพลเมืองเป็นรายบุคคล” แต่สิทธิและเสรีภาพเหล่านั้น “ไม่สามารถอ้างได้” ในบริบทการปกป้องความมั่นคงของชาติ


ท่าทีดังกล่าวของฮ่องกงเกิดขึ้น หลังนายเจมส์ เคลเวอร์ลี รมว.การต่างประเทศสหราชอาณาจักร เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ฮ่องกงในรอบ 6 เดือนล่าสุด ว่าทางการฮ่องกงอาศัยกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เป็นเครื่องมือกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเรือนจำ หรือต้องเดินทางออกไปลี้ภัยในต่างประเทศ และเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ


ทั้งนี้ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ มีผลบังคับใช้กับทั้งพลเมืองฮ่องกง และชาวต่างชาติซึ่งมีถิ่นพำนักถาวรในฮ่องกง ตามที่ระบุอยู่ในมาตรา 38 ของเบสิกลอว์ ซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง หากกระทำความผิดอาญาที่รวมถึงการแบ่งแยกดินแดน การล้มล้างอำนาจ การก่อการร้าย และการสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ ที่รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตร “ถือเป็นอาชญากรรม” อาจเผชิญกับบทลงโทษจำคุกสูงสุด คือ ตลอดชีวิต.

เครดิตภาพ : AFP