จากกรณีนักข่าวสาวไทยลูกครึ่งไต้หวัน แอบอ้าง บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียกรับเงิน 33 ล้านบาท จากนวพร แก๊งอุ้มบุญชาวจีน โดยอ้างว่าสามารถล้มคดีได้ เพราะทำงานใกล้ชิดและสนิทกับบิ๊กโจ๊ก แต่ผู้ต้องหายอมจ่ายไป 14 ล้านบาท กระทั่งวานนี้ (26 พ.ค.) ถูกชุดเฉพาะกิจของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวไปจำนวนเงิน 3.5 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 พ.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการเผยแพร่หนังสือ คำสั่ง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง ที่ 2/2566 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา ระบุว่า ตามที่ได้มีคำสั่ง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 9/2565 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง นั้น
เนื่องจากในปัจจุบันได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการทั่วประเทศ เป็นผลให้จะต้องแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นบัญชีดำ ‘จีจี้’ ห้ามออกนอกประเทศ ประสานทางการจีนทำความเข้าใจ
อาศัยอำนาจตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 445/2565 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เรื่อง กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 9) จึงให้ยกเลิกคำสั่ง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรีครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 9/2565 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ