เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 29 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เปิดประเด็น “ส่วยสติกเกอร์” หรือ “สติกเกอร์ Easy Pass” รถบรรทุกว่า “สั่งการไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงจะตรวจสอบอยู่”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 ว่าระหว่างนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องทำอยู่แล้ว รัฐบาลนี้ยังรับผิดชอบอยู่ไม่ใช่หรือ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ถามไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งแนวโน้มน่าจะลดลง แต่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่เข้ามา และทุกครั้งรัฐบาลก็แก้ปัญหาให้ตลอดใช่ไหม หลายอย่างช่วยฟังด้วยอย่ามัวแต่ฟังวุ่นๆ ในประเทศเรา ฟังต่างประเทศเขาบ้าง จะได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหนและต้องแก้กันอย่างไร

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมือง กับสถานการณ์ที่วุ่นๆ ในขณะนี้ พัวพันมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีความพยายามที่จะโยงว่ารอส้มหล่นอยู่ นายกฯ ย้อนถามว่า “ส้มหล่น ส้มที่ไหนหล่น หล่นเรื่องอะไรล่ะ” 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นส้มหล่นทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังว่า “อย่ามาพูดการเมืองกับผม ผมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร ผมก็อยู่ของผมอย่างนี้ ผมก็ทำหน้าที่ของผมให้เรียบร้อยแค่นั้น ก็เมื่อเขาส่งมอบให้ใครเป็น ก็เป็นไป ที่พูดว่าผมจะเป็น ผมจะเลิกอะไร ผมไม่ขอตอบอะไร ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกฎกติกา ตามกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ก็ว่ากันไป”

เมื่อถามอีกว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริงๆ และตั้งรัฐบาลไม่ได้ท่านพร้อมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ต้องมาถ้า อย่ามาถ้ากับผม ถ้าไม่ได้ ไม่มีถ้า เป็นเรื่องของอนาคต เพราะถ้ามีถ้า ก็ต้องถ้า 1 ถ้า 2 ถ้า 3 ถ้า 4 ฉันจะไปตอบเธอได้อย่างไรใช่หรือไม่”

เมื่อถามด้วยว่ามีโอกาสที่จะไปต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากโพเดียม พร้อมกล่าวว่า “ถ้า”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะผู้ประกอบการ รุ่นใหม่ YEC หอการค้าทั่วประเทศ พร้อมผู้ได้รับรางวัลโครงการ YPC ภาคตะวันออก เข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อรับทราบนโยบายและรายงานความสำเร็จการดำเนินโครงการ “พัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ภาคตะวันออก” (Young public and private collaboration: YPC) 

โดยนายกฯ ได้กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมที่สำคัญเรื่อง YPC ที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มหอการค้าประเทศไทย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมาช่วยส่งเสริมสังคมและการพัฒนาประเทศ ก็เรียนรู้ไปด้วยกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในกรอบนโยบายรัฐบาลอยู่แล้ว และได้มีการทำงานร่วมกันมานานพอสมควร ครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งที่สาม หลายอย่างมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มรายได้ การดูแลเกษตรกร ในเรื่องของสมาร์ทซิตี้ และอีกหลายเรื่อง ทั้งนี้ เรามีข้าราชการที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรคณะกรรมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ซึ่งเป็นข้าราชการยุคใหม่ที่มีแนวคิดในเชิงก้าวหน้า แต่ต้องดูในเรื่องกฎระเบียบให้เกิดความชัดเจนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ และกฎหมายไหนที่มีความจำเป็นต้องแก้ไข ก็เสนอแก้ไขกันต่อไปเพื่อให้ทำได้ นี่คือคนรุ่นใหม่ของรัฐบาลที่มีจำนวนมากอยู่ในทุกจังหวัด 

ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกฯ กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการดำเนินโครงการฯ ของหอการค้าทั่วประเทศที่ได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และขอบคุณทีม YEC ทีมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าทั่วประเทศ ที่เป็นภาคีสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐในทุกมิติ ทั้งสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จเสมอมา และยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญและมุ่งเน้นมาโดยตลอด ยืนยันรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยคาดหวังให้มีการผลักดันและส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการบูรณาการและการแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะระหว่างกัน

โดยนายกฯ ย้ำว่า ขอให้ทุกคนเล็งเห็นโอกาส ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องตรงตามความต้องการของตลาดและต่อยอด เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นและประเทศ เชื่อมั่นว่าความตั้งใจของคนรุ่นใหม่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นและจังหวัดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทยทุกคนได้อย่างทั่วถึง พร้อมขอให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการตามความตั้งใจ.