สวัสดีจ้า “ขาสั้น คอซอง” สัปดาห์นี้ จะพาไปบุกค่าย “ผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์” พร้อมสัมภาษณ์เจาะลึกความรู้สึกของตัวแทนเยาวชนจากทั้ง 5 ศาสนา ที่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมครั้งนี้

ซึ่งค่าย “ผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์” เป็นโครงการของ กรมการศาสนา ที่นำตัวแทนเยาวชนทั้ง 5 ศาสนา ได้มาเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เมื่อวันที่ 25-28 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อให้เข้าใจในความแตกต่าง การปฏิบัติตนต่อกัน รวมทั้งการปฏิบัติกิจกรรมแต่ละวันภายใต้ศาสนาทุกศาสนา เป็นการส่งเสริมพหุวัฒนธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจกันและกันระหว่างเยาวชนแต่ละศาสนา โดยภายหลังเสร็จสิ้นการอบรม ได้มีการคัดเลือกคณะกรรมการเยาวชนตัวแทน จากทั้ง 5 ศาสนา จำนวน 15 คน เพื่อเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งของกรมการศาสนาต่อไปด้วย

ชานนท์ แฉล้มวารี

เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาถามความรู้สึกของตัวแทนเยาวชนแต่ละศาสนาที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กันเลย เริ่มจาก “ชานนท์ แฉล้มวารี” โรงเรียนสวนรัฐวิทยา ประธานกรรมการผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ รุ่นที่ 1 บอกว่า “จะนำแนวทางและเทคนิคการเป็นผู้นำที่ได้จากการอบรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เป็นพิธีกรในกิจกรรมของโรงเรียน การให้คำปรึกษากับผู้อื่นในด้านการมี self-esteem หรือ ความคิดเห็นที่มีต่อตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต รวมถึงการรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งการที่ได้มาร่วมค่ายนี้ทำให้มีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น กล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าทุกคนมีภาวะความเป็นผู้นำในตัวเอง จึงหวังว่าทุกคนจะนำภาวะนี้นำออกมาใช้ ให้ทุกคนเกิดความภูมิใจในตนเอง”

กิตติภณ นามไพร

ต่อกันด้วย “กิตติภณ นามไพร” โรงเรียนมัธยมสังคีต ผู้แทนเยาวชนศาสนาพุทธ เล่าว่า “สิ่งที่ได้รับจากการเข้าค่ายในครั้งนี้ คือ การฝึกบุคลิกภาพ เป็นเรื่องที่คิดว่าเราจะปรับได้ และเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ ทั้งยังทำให้มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น มีความมั่นใจในตนเองเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่กลัวที่จะออกไปพรีเซ็นต์งานหน้าห้อง ออกไปพูดหน้าเสาธงพร้อมกับการได้เรียนรู้ในเรื่องการพูดที่ทำให้สามารถพูดได้ดีขึ้น”

ณัฐชนน แสงสัมฤทธิ์

ด้าน “ณัฐชนน แสงสัมฤทธิ์” โรงเรียนท่าอิฐศึกษา ผู้แทนเยาวชนศาสนาอิสลาม เผยว่า “ได้รับความรู้เกี่ยวกับการพูด การวางตัวในสังคม ว่าจะต้องทำตัวแบบไหนถึงจะเหมาะสม ซึ่งสิ่งที่ได้รับจะนำไปสานต่อ คือที่โรงเรียนมีโครงการหนึ่งที่เรียกว่า UID ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวกันกับค่ายนี้ ก็จะนำความรู้ที่ได้ในหลายๆ เรื่องไปสานต่อ บอกต่อเพื่อให้เกิดผู้นำในอนาคตที่ดีขึ้น”

อัครมงคล โนนทคำจันทร์

ขณะที่ “อัครมงคล โนนทคำจันทร์” โรงเรียนแอ๊ดเวนตีสเอกมัย ผู้แทนเยาวชนศาสนาคริสต์ บอกว่า “การที่เรามาที่นี่ทำให้เราได้พัฒนาตนเองและฝึกความเป็นผู้นำ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ จะนำความรู้เกี่ยวกับบุคลิกภาพไปใช้ที่โรงเรียน ที่บ้านด้วย”

มีนู ซิงห์

ส่วน “มีนู ซิงห์” โรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย ผู้แทนเยาวชนศาสนาพราหมณ์-ฮินดู บอกว่า “ได้เรียนรู้การวางแผนขั้นตอนการนำเสนอรวมถึงบุคลิกภาพที่ดีสำหรับการนำเสนอเพื่อนำไปใช้ในการนำเสนอในโรงเรียน หรือในชั้นเรียน และยังสามารถนำความรู้แต่ละศาสนาไปแบ่งปันให้กับคนในโรงเรียนที่ต้องการความรู้ในด้านศาสนาได้”

กร มาลฮอตรา

และปิดท้ายกันที่ “กร มาลฮอตรา” โรงเรียนนานาชาติโมเดิร์น ผู้แทนเยาวชนศาสนาซิกข์ บอกว่า “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปค่ายครั้งนี้ คือ ได้เรียนรู้การพูดในที่สาธารณะ และทำให้มีความมั่นใจในการพูด ซึ่งจะนำไปใช้ที่โรงเรียน ให้ผู้ฟังรับรู้แล้วกล้าที่จะบรรยายเหมือนผม”

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ของกรมการศาสนา ที่มุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างเยาวชนแต่ละศาสนา เพื่อให้เราทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคม “พหุวัฒนธรรม” ได้อย่างมีความสุข