เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1 เชิญตัวนายเอ อายุ 40 ปี และนายบี อายุ 58 ปี (ทั้งสองนามสมมุติ) มาซักถาม หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า มีพฤติกรรมแอบอ้างให้หลงเชื่อว่ามีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และออกอุบายว่าสามารถช่วยเรื่องคดีความได้ โดยจุดแรกนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของนายบี เบื้องต้นไม่พบตัวนายบี พบเพียงภรรยาอาศัยอยู่ในบ้าน จึงได้ทำการตรวจสอบ และตรวจยึดบัตรประจำตัวสื่อมวลชนของนายบี ระบุสังกัดหนังสือพิมพ์ตำรวจฉบับหนึ่ง สมุดบัญชีธนาคาร 7 เล่ม และโพยตัวเลขเก็บเงินหน่วยงานต่างๆ จำนวนมาก

จุดที่สอง ตรวจค้นบ้านใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านนายเอ เบื้องต้นพบเจ้าตัวอยู่ในบ้าน และทำการตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด .22 และเครื่องกระสุนปืน และเชิญนายเอ มาสอบปากคำที่ บช.สอท. ซึ่งทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางมาร่วมซักถามข้อเท็จจริง โดยนายเอ ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการแอบอ้าง เพียงแต่อยากจะช่วยเหลือเพื่อนชาวต่างชาติที่มีปัญหาด้านคดีความที่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเพื่อนต่างชาติรายนี้ระบุว่า อยากจะพบทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และจะมีค่าดำเนินการในการพาเข้าไปหา แต่ตนได้บอกว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ทางนายบี และเพื่อนอีกคนน่าจะรู้จักและสามารถประสานได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากช่วยเหลือเพื่อน และไม่มีเจตนาอยากจะขอโอกาสในการกลับตัว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากมีผู้แจ้งเบาะแสว่าทั้งสองรายและพวก มีพฤติกรรมแอบอ้างว่า มีความสนิมสนมกับตน ออกอุบายว่าสามารถที่จะช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีได้ โดยร่วมกันตัดต่อรูปภาพของตนและสร้างเป็นโปรไฟล์ในแอปพลิเคชันไลน์นำมาแสดงต่อบุคคลอื่น โดยเน้นชาวต่างชาติอ้างว่ามีความสนิทสนมและทำงานใกล้ชิดกับตนเอง สามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นล้มคดีได้ ซึ่งในรายล่าสุด มีการนัดผู้เสียหายที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งย่านสาทร นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำภาพถ่ายร่วมกับข้าราชการระดับสูงในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และนักการเมืองชื่อดัง รวมถึงภาพถ่ายขณะติดบัตรผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาลไปแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้พบเห็น ซึ่งในส่วนนี้ทำให้เกิดความเสียหาย และอาจทำให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนเข้าใจผิด จึงได้มอบหมายให้ บช.สอท. รับคำร้องทุกข์ สอบสวนปากคำผู้เกี่ยวข้อง และได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐาน พบว่ามีมูลความจริง จึงขออนุมัติศาลออกหมายค้นเป้าหมาย 2 จุด ใน จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อหาพยานหลักฐานมาใช้ในการยืนยันความผิด

ทั้งนี้ ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบว่ามีบุคคลใด กล่าวอ้างหรือแอบอ้างถึงตนเองว่าสามารถช่วยเหลืออาชญากรหรือวิ่งเต้นล้มคดี โดยมีการเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ขอให้เชื่อว่ากำลังถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน และฝากเตือนไปยังบุคคลใดก็ตาม ที่แอบอ้างว่ามีความรู้จักสนิทสนมกับตนเอง และนำชื่อหรือภาพถ่ายใดๆ ตนเองไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เลิกพฤติกรรม ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีทุกรายโดยไม่มีข้อยกเว้นเพราะก่อความเสียหาย และความเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายเอ “มีอาวุธปีนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้มีและใช้ให้กับบุคคลอื่น ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่ง สภ.หนองปรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ม.14

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ภายหลังการสอบปากคำแจ้งข้อกล่าวหานายเอ เสร็จสิ้น ทางนายบีได้ประสานเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียก ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาความผิดเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ในส่วนของที่มีการระบุหน่วยงานต่างๆ ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบหากพบว่ามีการแอบอ้าง หรือเข้าข่ายการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป