กลายเป็นเรื่องร้อนในวงการบันเทิง หลังมีภาพหลุดว่อนโซเชียล อดีตดารางานแน่นวิกน้อยสี โกสินทร์ ราชกรม นั่งพื้นแบกะดินขายพืชผักสวนครัวที่ตลาดบ้านเกิด กำละ 5 บาท 10 บาท จนหลายคนอย่างรู้ความเคลื่อนไหวในปัจจุบันทันด่วนของนักแสดงมากฝีมือต้องเจอมรสุมชีวิตอะไรมาบ้าง ล่าสุดพร้อมนั่งโต๊ะเปิดอกเคลียร์คัตผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่ม ล้วงลึกในวันที่งานน้อยไร้สังกัดเป็นนักแสดงอิสระ ยากลำบากขนาดไหน

โกสินทร์ เผยว่า “เรื่องงานวันนี้เป็นนักแสดงอิสระ ผมเชื่อว่าทุกค่ายนะครับ ก่อนที่ผมจะเป็นนักแสดงอิสระเนี่ย เค้าจะได้ยินกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าออกมาเถอะ ข้างนอกมีงานอีกเยอะเยะ ออกมาเถอะเราสามารถอัปราคาค่าตัวได้ ดีดค่าตัวได้ เพราะว่าเริ่มต้นช่องใหม่ๆ มา เค้าไม่มีนักแสดงหรอก คุณไม่ต้องเซ็น คุณไม่ต้องต่อสัญญา คุณออกมาเถอะ หลังจากออกมาเสร็จ มันก็เป็นเวลาที่เราต้องออกไปนำเสนอ เราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เราต้องไปวิ่ง ไปทำให้ผู้ใหญ่รู้จัก ทำให้ผู้ใหญ่เห็น ร่วมถึงส่งคอนแทคไปจากคนที่เรารู้จักตรงนั้นตรงนี้ ไปอยู่ตรงนั้นแล้วนะ มันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากขึ้น กว่าผมจะได้งานมาซักงานหนึ่ง ผมคิดนะว่าการออกมาดูแลตัวเองเสมอตัวครับ ก็ไม่ได้ดูแย่ครับ (วางอนาคตตัวเองไว้ยังไง) ผมจะทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ทิ้งอนาคตของเราว่า ฝันเราคืออะไรผมอาจจะเป็นนักแสดงที่มีความฝัน อยากจะก้าวเหมือนนักแสดงคนอื่น คนอื่นอาจจะเดินเข้ามาในวงการปุ๊บแล้วเป็นสตาร์ไปเลย แต่ผมอาจจะยากหน่อย อาจจะใช้เวลาหน่อย ผมมีความฝันเหมือนเขา แต่ไม่ได้ก้าวเดินเหมือนเขา แต่ ณ วันนี้ผมก็ยังก้าวเดินในทางของผมครับ”


“กว่าจะประสบความสำเร็จเข้าถึงการแสดงได้คือ ที่ผ่านมาเราก็เล่นไม่ดีจนเราได้มาเจอผู้จัดท่านหนึ่ง เค้าสั่งเราคัต วันนั้นเป็นฉากที่เราต้องใช้อารมณ์อย่างหนักเลย และโค้ชก็แล้ว แอ๊คติ้งโค้ชก็แล้ว ก็ยังไม่ได้ ผู้จัดเค้าก็สั่งคัตและเรียกเข้าไปหา คำพูดวันนั้นผมจับไม่ได้แต่ว่าเค้าส่งให้ผม เค้ากอดและพูดอะไรในหูผมไม่รู้ ผมจำไม่ได้ และก็บอกว่าในฉากมันเป็นแบบนั้นแบบนี้ มันมาเลยครับ คนนั้นคือพี่ไก่ วรายุฑ อารมณ์มันมาหมดเลยครับ ที่คนบอกฉายาของโกสินทร์ น้ำตาสั่งได้ฝ่ายชาย ผมก็ไม่ถึงขนาดนั้นครับ หนึ่งด้วยคำที่บอกว่าคุณไม่สามารถไปต่อได้แล้วนะ อนาคตต้องเตรียมตัวไปทำอย่างอื่นได้แล้วนะ คำพูดของผู้กำกับเก่าคนหนึงที่ผมรักและเคารพมาก คำพูดคำนั้นมันให้เป็นแรงบันดาลใจ และแรงกดดัน พอมันมีคะแนนในกลุ่มมา ได้ยินเสียงกระแสตอบรับว่าเราไม่ได้แล้วนะ แล้วเพื่อนๆ ก็พูดกัน มันเลยมีแรงกระตุ้นอะไรสักอย่างให้เรา เราต้องถีบตัวเองขึ้นมา พยายามมาตลอด จนพี่ไก่ช่วย หลังจากนั้นมาแค่อ่านและวิเคราะห์ตีโจทย์ มันก็ทำให้รู้ว่าตัวละครนั้นต้องการอะไร ให้ออกมาแบบไหน คุณต้องการเลเวลไหน”