เมื่อเวลา 12 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา บริเวณโถงกลางหน้าพิพิธภัณฑ์ ร.7 คณะประชาชนคนรักในหลวง “โครงการเทิดไท้องค์ราชัน” นำโดยนายประยูร จิตรเพ็ชร ประธานคณะฯ พร้อมด้วยคณะประชาชนคนรักในหลวง ส่วนกลาง และคณะกรรมการภาคทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ตลอดจนคณะกรรมการระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้านทั่วทุกภาคของประเทศไทย กว่า 500 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อให้กำลังใจกับ ส.ว. ทุกคน ในการที่จะไม่สนับสนุน หรือไม่ยกมือให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีแนวคิดที่จะยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และขอให้เป็นพลังในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนคนไทยควรร่วมกันธำรงไว้ให้ดำรงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป โดยมี พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เป็นตัวแทนมารับหนังสือ

ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก คณะประชาชนคนรักในหลวงฯ สวมเสื้อสีเหลือง เดินทางมารวมตัวปักหลัก ร่วมพูดคุยให้กำลังใจกับตัวแทน ส.ว. ที่ลงมารับเรื่อง และพร้อมยืนเคียงข้าง ส.ว. ทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มฯ ได้มีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่สภา เพื่อเข้ามาบริเวณด้านในอาคารรัฐสภาเพื่อหลบร้อน เพราะมวลชนที่มาในวันนี้เดินทางมาไกล อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ จึงได้รับอนุญาตให้อยู่ในบริเวณโถงกลางหน้าพิพิธภัณฑ์ รัชกาลที่ 7 เท่านั้น นอกจากนี้ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท อดีตแกนนำม็อบสามนิ้วในเครือข่ายคนรุ่นใหม่ จ.นนทบุรี ที่เปลี่ยนใจมามีแนวคิดสนับสนุนฝั่งประชาชนคนรักสถาบัน ก็ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย

ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐสภา ได้จัดกำลังดูแลภายในตัวอาคาร ส่วนพื้นที่โดยรอบอาคาร ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพ และตำรวจจากกองบังคับการอารักขาและควบคุฝูงชน (อคฝ.) 1 กองร้อย รวมถึง กองร้อยน้ำหวาน 1 หมวด คอยประจำการดูแลอยู่บริเวณรอบนอกรัฐสภา

ด้านนายประยูร ประธานคณะฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับโครงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ประจำปี 66 ซึ่งจะดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ ในวันที่ 22-28 ก.ค. นี้ เพื่อให้ได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญ รวมถึงเป็นการแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน แต่เนื่องด้วยคณะฯ มีงบประมาณไม่พอ จึงทำหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนโครงการ จำนวน 28,700,000 บาท

นายประยูร กล่าวด้วยว่า ขอให้ ส.ว. อย่ายกมือให้พรรคการเมืองที่คิดล้มล้างสถาบัน วันนี้เรามากันเท่านี้เพื่อขอให้กำลังใจ ส.ว. แต่ถ้าพรรคการเมืองจะไปแตะต้องสถาบัน เราจะมาเป็นล้านทั่วประเทศ

ทางด้าน พล.อ.อกนิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ขอให้สัญญาว่า ส.ว. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกคน มีวุฒิสภาวะดี และจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนทุกคน ส่วนเนื้อหาภายในหนังสือที่รับยื่น ต้องขอดูก่อนว่าเข้าเงื่อนไขอะไร จะต้องดำเนินการอย่างไร เราจะตัดสินใจบนผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน คนที่จะเป็น ส.ส. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้รับรอง ขณะที่คุณสมบัติในการพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นคนเก่งและเป็นคนดีควบคู่กันไป ไม่ใช่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมถึงจะต้องยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของประเทศ

เมื่อถามว่า มีการกดดันว่า ส.ว. จะต้องเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกตั้งพรรคลำดับ 1 เข้ามา พล.อ.อกนิษฐ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเสียง อันดับ 1 ต้องเป็นนายกฯ คนที่ได้รับเลือกตั้ง อันดับ 1 ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ หลายคนเข้าใจผิด เสียงส่วนใหญ่ กับเสียงส่วนน้อยเป็นอย่างไร มันเป็นขั้นตอนข้างหน้า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นใคร เพียงแต่วางแผนกันเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกลติดต่อประสานมาบ้างหรือไม่ พล.อ.อกนิษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ส่วนถ้าติดต่อมาจะพร้อมพูดคุยหรือไม่นั้น ตนรับฟังทุกพรรค ตนมีเพื่อนทุกพรรค เป็นเพื่อนกันหมด รู้จักหมด

เมื่อถามว่าจากปัญหาการถูกตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ จะนำมาประกอบการตัดสินใจในการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ พล.อ.อกนิษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้เลย เพราะฝ่าย ส.ส. ยังไม่นิ่ง ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้