ดร. ไมเคิล กิลเลน นักวิทยาศาสตร์และอดีตนักข่าวอิสระซึ่งเคยร่วมงานกับสำนักงานเอบีซีในการดำลงสู่ก้นมหาสมุทรเพื่อเยี่ยมชมซากเรือไททานิกเมื่อปี 2543 เรียกร้องให้ยุติการจัดทริปดำทะเลลึกเกือบ 4,000 เมตร เพื่อนำชมซากเรือไททานิกโดยสิ้นเชิง และควรมีการตั้งมาตรการเพื่อจำกัดการจัดทัวร์ในลักษณะนี้ ในระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวจีบีนิวส์

กิลเลน กล่าวเสริมว่า “นี่ไม่ใช่การเดินทางเพื่อความสนุก มันเป็นเรื่องซีเรียส มหาสมุทรนั้นคือสัตว์ร้ายที่ไร้ความปรานีโดยแท้จริง มันพร้อมเสมอที่จะกลืนกินคุณลงไป”

เมื่อ 23 ปีก่อน กิลเลน ซึ่งทำงานเป็นนักข่าวอิสระด้วย ได้กลายเป็นนักข่าวโทรทัศน์คนแรกที่ได้รายงานข่าวจากจุดที่เรือไททานิกจมอยู่จริง ซึ่งอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือที่ความลึกประมาณ 3,800 เมตร เขาเดินทางลงไปที่นั่นด้วยเรือดำน้ำสำรวจสัญชาติรัสเซีย ขณะที่เขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสำนักข่าวเอบีซี

ระหว่างที่รายงาน เขาก็ประสบเหตุการณ์น่าอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเรือดำน้ำของพวกเขาเกิดติดอยู่ในกระแสน้ำที่ไหลแรงมากจนซัดให้เรือดำน้ำไปติดอยู่ในระหว่างใบพัดขนาดมหึมาของเรือไททานิก

กิลเลน เล่าว่าระหว่างที่เรือของพวกเขาติดอยู่ระหว่างซี่ใบพัด ตอนแรกคิดว่าพวกเขาคงจะตายกันหมด อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ใช้เวลาถึงชั่วโมงเศษ กว่านำเรือจะหลุดออกมาได้ 

อดีตนักข่าวย้อนรำลึกถึงประสบการณ์ว่า เมื่ออยู่ข้างล่างที่ก้นมหาสมุทรนั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด กิลเลน กล่าวว่าเขาเตรียมใจแล้วที่จะตายและคิดว่าตัวเองคงได้ไปรวมกลุ่มอยู่กับคนที่เคยตายบนเรือไททานิกเมื่อปี 2455 

“ผมเคยผ่านมาแล้ว ผมรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรที่โดนฝังทั้งเป็นในกระป๋องโลหะ (เรือดำน้ำ) ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มันน่ากลัวมากจริง ๆ” กิลเลน กล่าว

แหล่งข่าว : insider.com

เครดิตภาพ : AFP