กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงในวงการบันเทิงที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก สำหรับชีวิตรักของ หนุ่ม กะลา กับดราม่านักร้องเสียงนุ่มนอกใจภรรยา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์กระหึ่ม มีคนขุดรูปและคลิปต่าง ๆ มาแฉเดือด กระทั่งเจ้าตัวได้ได้ออกมาเผยว่าเตรียมนัดหย่าภรรยา สิ้นเดือน มิ.ย. นี้  ขณะที่ จูน- เพ็ญชุลี หนูแก้ว ในฐานะเมียหลวง ได้ปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ด้วยการฟ้องเรียกเงินมือที่ 3 จำนวน 10 ล้าน พร้อมกันนี้คณะทัวร์ได้ไปลงที่มือที่ 3 และ หนุ่ม กะลา เน้น ๆ ขณะที่โลกออนไลน์ แฮชแทค #เมียน้อย ยังครองเทรนด์ทวิตเตอร์ข้ามวัน

วันนี้จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจ ถึงสาเหตุการที่ “ผู้ชายมีเมียน้อย” ผ่านมุมมองเชิงจิตวิทยา โดยไม่ได้ยึดโยงกับบุคคลในข่าว  ซึ่งทาง วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย โดย บรรณาธิการ มาโนช หล่อตระกูล ได้เคยทำหัวข้อ “สาเหตุการมีเมียน้อยในชายไทย 20 ราย”  ซึ่งได้ข้อสรุปเอาไว้ว่า การมีเมียน้อยของผู้ชายไทย เกิดจากสาเหตุเรื่องความใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งสูงขึ้นมาก (ร้อยละ 66.67 ของเหตุผลทั้งหมด) คำอภิปรายว่า ทำไมเมื่อชายเหล่านี้ได้ใกล้ชิดหญิงอื่น จึงขาดความยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง น่าจะเพราะผู้ชายเหล่านี้มีปัญหาบุคลิกภาพ พื้นฐานที่บกพร่องหลายด้านอยู่แล้ว เช่น เป็นคนไม่ชอบตัดสินใจ ไม่ชอบแสดงออก อารมณ์อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงง่าย ใจร้อน หุนหัน จึงอาจทำให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปเรื่อยๆ แล้วแต่เหตุการณ์จะพาไป ไม่ควบคุมตัวเอง ไม่ตัดสินใจทำอะไรที่ควรจะทำ เช่น การยุติความสัมพันธ์เสียก่อนที่จะมีปัญหา เหตุผลเรื่องบุคลิกภาพของคู่สมรสนั้น

ซึ่งการวิเคราะห์นี้ ได้ไปสอดคล้องกับการศึกษาของต่างประเทศ อย่าง “Thompson”  ที่พบว่า ปัจจัยทางบุคลิกภาพของคู่สมรสมีอิทธิพล มากกว่าคุณภาพชีวิตสมรสในการตัดสินใจมีความสัมพันธ์นอกสมรส  โดยของ “Thompson” พบว่า บุคลิกภาพส่วนใหญ่เป็นแบบไม่มั่นใจตนเอง  คิดว่าตนเองด้อยกว่าคู่สมรสจึงต้องการหา ความสัมพันธ์กับบุคลอื่น เพื่อมาเสริมความมั่นใจของตนเอง หรืออีกบุคลิกภาพหนึ่งที่  “Thompson”  พบบ่อยคือ หลงตัวเองคิดว่าตนเก่ง มีเสน่ห์ ฉะนั้นการมีความสัมพันธ์นอกสมรสเท่ากับการยืนยันว่า ตนมีเสน่ห์จริง เป็นคนเก่งจริง

นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยเรื่องอายุของชายที่มีเมียน้อย  โดยพบว่าผู้ชายเหล่านี้จะเริ่มมีเมียน้อย ในช่วงอายุ 31-50 ปีมากที่สุด คือมีมากถึงร้อยละ 75 น่าจะด้วยเหตุผลว่าชายในวัยนี้ได้ทำงาน สร้างตัวมาพอสมควรหรือกำลังมีความสำเร็จในหน้าที่การงาน และเริ่มมีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง อาจต้องการให้คนอื่นเอาใจมากกว่าคอยเอาใจผู้อื่น หรือชายวัยนี้บางคนเริ่มเกิดปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสีย ปัญหาความเจ็บป่วย หรือขาดความมั่นใจในตนเอง จึงแสวงหาความสัมพันธ์นอกสมรส  สำหรับเมืองไทยยังมาสอดคล้องกับผลการศึกษาเรื่องสาเหตุการเป็นภรรยาน้อย ที่พบว่าหญิงที่เป็นเมียน้อยส่วนใหญ่  มีสาเหตุมาจากมีความต้องการความรักความอบอุ่น อยากมีที่พักพิงทางใจ ต้องการเงินหรือมีผู้อุปการะซึ่งผู้ชายในช่วงวัยนี้สามารถให้ได้พอดี  จึงเป็นความต้องการที่ตรงกัน ของสองฝ่ายทั้งชายและหญิง ฉะนั้นโอกาสการมีเมียน้อยและการเป็นเมียน้อยจึงเกิดได้ง่ายขึ้นแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จากการวิจัย มีรายการงานเอาไว้ด้วยว่า ปัจจัยด้านคุณภาพของชีวิตสมรสของ “สามีที่มีเมียน้อย”นั้น  ไม่เป็นไปตามความเข้าใจของคนทั่วไป ที่ว่า “สามีมีเมียน้อยเพราะไม่มีความสุขกับภรรยาคนแรก” เพราะจากข้อมูลที่ได้ แรกเริ่มก็แต่งงานกันด้วยความรักเป็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 60 ขณะที่มีเมียน้อยแล้วร้อยละ 60 ก็ยังมีความสุขในชีวิตสมรส คนที่มีปัญหาจริงๆ มีเพียงร้อยละ 5 และทัศนคติของชายที่มีเมียน้อยถึงร้อยละ 55 ยืนยันว่า ควรจะมีคู่หนึ่งคน จากข้อมูลนี้ทำให้สรุปได้ว่า  การมีเมียน้อยของชายไทยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจาก คุณภาพชีวิตสมรสเดิมมีปัญหาและการมีทัศนคติว่า ควรมีภรรยาคนเดียวก็ไม่สามารถป้องกันการมีเมียน้อยได้! ซึ่งความรู้ข้อนี้ สามารถประยุกต์มาใช้รักษาผู้เป็นภรรยาที่สามีมีเมียน้อยแล้วรู้สึกว่าตนเองอาจผิด หรือบกพร่องในการเป็นภรรยาที่ดี ทำให้สามีไม่มีความสุขจนต้องมีเมียน้อย ภรรยาเหล่านี้จะได้หยุดลงโทษตัวเองอย่างผิดๆ

ที่น่าสนใจมากอีกอย่างของผลการศึกษาคือ พบผู้ชายที่มีเมียน้อยเหล่านี้ตอบว่า จะไม่กล้ามีเมียน้อยถึงร้อยละ 50 ถ้าภรรยาตนจะหย่าตนอย่างแน่นอน ถ้าพบว่าตนมีเมียน้อย ตอบว่ากล้าเพียงร้อยละ 30 และไม่ตอบคำถามนี้ร้อยละ 20 (ซึ่งอาจจากความไม่แน่ใจ) ซึ่งหมายความว่าชายเหล่านี้ แม้จะมีเมียน้อย แต่ก็ไม่ต้องการสูญเสียภรรยาตนไป คือต้องการทั้ง 2 คน ซึ่งตรงกับประสบการณ์ทางคลินิกของผู้วิจัย ที่สามีเกือบทั้งหมดไม่ต้องการเลิกกับภรรยาตน มีน้อยรายมากที่ต้องการเลิกไปอยู่กับเมียน้อยเลย ซ้ำเวลาถูกภรรยาบังคับให้เลือกว่าต้องเลือกที่จะอยู่กับคนใดคนหนึ่ง ก็ไม่ยอมเลือกหรือขอต่อรองกับภรรยาว่า ขอเวลาให้ตนได้ค่อยๆ เลิกกับเมียน้อย ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นการซื้อเวลามากกว่าจะเลิกกับเมียน้อยจริงๆ

ขณะที่พฤติกรรมของการเป็น “เมียน้อย” นั้นก็ถูกนำมาวิเคราะห์ผ่านมุมมองของนักแสดงได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน กับประเด็นที่ว่า “ทำไมมือที่ 3 โดนทัวร์ลงถล่มแต่ยังไม่รู้สึกอาย” โดย  ยิปซี – คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ นักแสดงสาวสุดแซ่บ ที่เคยรับบท “เมียน้อย” ในบท “ณิชา” เจ้านายสาวพราวเสน่ห์ ที่ชอบความท้าทาย และต้องได้ทุกสิ่งที่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน จากซีรี่ส์ “เสน่หาข้ามเส้น” ซึ่ง ยิปซี  ได้วิเคราะห์ “เมียน้อย” ในมิติที่เป็นผู้หญิงสวยและรวยมาก โดยไม่ได้ยึดโยงว่าบุคคลที่ตกเป็นข่าวต้องมีพฤติกรรมแบบนี้ และไม่ใช่เมียน้อยทุกคนจะมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยเธอได้โพสต์คลิปอธิบายในไอจี พร้อมแคปชั่น  “ข้อดีของการได้เป็นนักแสดง คือ การได้รู้จักมนุษย์หลายประเภท ผ่านทางตัวเรา :)) disclaimer: คลิปนี้ทำเพื่อแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ในเชิงอาชีพที่ยิปเคยทำมานะคะ”

ยิปซี ได้เผยในคลิปว่าว่า “วิเคราะห์พฤติกรรมของเมียน้อย ผ่านมุมมองของนักแสดงค่ะ ก็น่าจะเห็นกันอยู่แล้วนะคะว่าฟีดข่าวมีแต่เรื่องนี้ที่มันดังมากๆ ก็เข้าไปดูนะคะว่าคนมีพูดอะไรบ้าง แสดงความคิดเห็นยังไงในมุมต่าง ๆ นอกจากคอมเมนต์ที่ทัวร์ไปลงมือที่ 3 แล้ว ยิปยังเห็นคอมเมนต์หนึ่งที่เยอะมาก คนไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นมือที่สาม โดนโจมตีหนักขนาดนี้ ทำไมเขาถึงดูไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่มียางอายเลยเหรอคะ ทำไมเขาถึงตอบโต้กลับมาอย่างนั้น ด้วยพฤติกรรมที่เขาไม่รู้สึกผิด เขาดูฮึกเหิม  เรื่องนี้แหละเป็นเรื่องที่อยากจะมาแชร์ในฐานะที่เคยแสดงละคร และรับบทเป็นประมาณนี้มาก่อน เล่นเป็นเมียน้อย คือไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นอย่างที่ยิปจะพูด ยิปมาเล่าในประสบการณ์ส่วนตัวว่า ตอนนั้นเราสร้างตัวละครตัวนั้นขึ้นมาอย่างไร

เวลาที่เราจะเล่นเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เราต้องไปศึกษาเขา ต้องสร้างแบ็กกราวนด์ให้ตัวละครนั้นๆ ขึ้นมา เพื่อให้ตัวละครมีมิติ  ตอนนั้นยิปเลยไปศึกษามาว่าอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งตัดสินใจแบบนี้ ทำตัวแบบนี้ ซึ่งในตอนนั้นที่ยิปรับบทเมียน้อย หน้าที่หลักในละครตอนนั้นของยิปคือแย่งผู้ชายที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว  และตัวละครที่ยิปได้รับตอนนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยและรวยมาก ประสบความสำเร็จ มีเงินใช้ หน้าที่การงานดี หน้าตาก็ดีด้วย แต่เขามุ่งมั่นที่จะไปเป็นภรรยาคนที่สองของผู้ชายในเรื่อง เท่าที่ยิปไปเจอมานะ ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เป็นประมาณนี้ จะมีปัญหาตั้งแต่ในวัยเด็ก ส่วนมากนะคะ ไม่ได้บอกว่าทั้งหมด ส่วนมากเขาจะมีปมเรื่องขาดความรักจากพ่อ เขาจะขาดตรงนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่น พอเขาโตขึ้นมา เขาจะพยายามทะเยอทะยาน ทำงานอะไรก็ได้เพื่อให้ชีวิตของตัวเองดี ประสบความสำเร็จ อาจจะเป็นคนที่ชอบซื้อของแพงๆ ชอบเอาของแพงๆ มาโป๊ะตัว ตามหลักจิตวิทยาเขาทำให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้น โดยการใช้ปัจจัยภายนอก  แต่ต้นเหตุจริงๆ เหมือนคุณแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะต้นเหตุจริงๆ แล้วคือเขาขาดความรักจากเพศพ่อ จุดนี้เป็นจุดหลักและจุดใหญ่กับการดำเนินชีวิตของเขามากๆ

ข้อที่ 2 ด้วยความที่เขาโตมาจากครอบครัวที่ขาดตรงนี้ไม่ค่อยอบอุ่น เขาขาดตรงนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขารู้สึกพร้อม และโอเคที่จะไปทำให้อีกครอบครัวหนึ่งไม่อบอุ่นเหมือนกันนะคะ อีกคำถามนึงที่คนคอมเมนต์คือ ทำไมเขาถึงดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เวลาที่พวกคุณไปด่าว่าเขา เพราะนั้นไม่ใช่จุดอ่อนของเขา สิ่งที่คนประมาณนี้ต้องการ คือเขาต้องการให้คนมาสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการสนใจในรูปแบบไหน คุณไปด่าเขา ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าคนทั้งโลกกำลังสนใจฉัน และจริงๆ จุดอ่อนของเขา คือการถูกทิ้ง หรือการที่วันหนึ่งที่เขาจะไม่เหลือใคร อันนี้ก็เป็นแค่มุมมอง และประสบการณ์ของยิปที่เคยเป็นตัวละครประมาณนี้ หวังว่ามีจะเป็นประโยชน์หรือเปล่าไม่รู้ แต่เป็นเกร็ดความรู้อย่างหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจมนุษย์คนอื่นที่เขาไม่เหมือนเราเล่นมากขึ้น”

ที่นำมาเสนอเป็นเพียงการมอง “เมียน้อย” และ “นอกใจ” ในหลากหลายมิติ ที่จะทำให้เข้าใจความเป็นมนุษย์ ที่มีทั้ง รัก โลภ โกรธ หลงมากยิ่งขึ้น โดยไม่ได้หาความชอบธรรมให้กับการ “คบซ้อน” แต่อย่างใด เพราะ “การนอกใจ”หรือ “ผิดผัวผิดเมีย” ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม และยากจะยอมรับในสังคมอยู่ดี เพราะหากความรักมีปัญหา ก็ควรต้องจบความสัมพันธ์เดิมเสียก่อนไปเริ่มต้นใหม่  น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สุดท้ายก็ขอรีรันประโยคอมตะของ  ฮิวโก้ – จุลจักร จักรพงษ์ ที่บอกว่า “การไม่นอกใจเมีย คือเรื่องปกติ เป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการแต่งงาน  หากทำไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง” และ “ผู้หญิงที่เข้ามาอ่อยผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้ว ถามว่าน่าคบไหม? ก็ไม่ได้น่าคบเท่าไหร่ ซึ่งผมคงไม่หลงใหล คนที่พร้อมจะทำลายครอบครัวคนอื่น” มาเตือนใจกันอีกสักครั้ง!

ชาวบ้าน 1/4

ข้อมูล : ไอจี gypsykeerati , www.psychiatry.or.th/JOURNAL/v4331.html