สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ว่า สำนักงานอัยการเมืองน็องแตร์ ทางตะวันตกของกรุงปารีส ตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยบันดาลโทสะ กับตำรวจนายหนึ่ง และขออำนาจศาลให้มีการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว จากการเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงสังหาร “นายนาเฮล เอ็ม” วัย 17 ปี ระหว่างเผชิญหน้ากันที่ด่านตรวจ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนาเฮลฝ่าฝืนกฎจราจร หลังจากนั้น รถยนต์ของนาเฮลเสียหลักพุ่งชนสิ่งกีดขวาง และเจ้าตัวเสียชีวิต


ด้านนางมูเนีย มารดาของนาเฮล กล่าวว่า เธอไม่เหมารวมว่าตำรวจทั้งองค์กร “เป็นผู้ร้าย” เธอขอเจาะจงเฉพาะกับบุคคลที่สังหารบุตรชายของเธอเท่านั้น และกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่นายนั้นสังหารบุตรชายของเธอ “เพียงเพราะมีใบหน้าของคนอาหรับ”


การเสียชีวิตของนาเฮล จุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ และสถานการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีถือว่า รุนแรงเป็นคืนที่สามติดต่อกัน มีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 200 คนทั่วประเทศภายในคืนเดียว ทรัพย์สินสาธารณะถูกเผาทำลายเป็นจำนวนมาก

ขณะที่สำนักงานตำรวจระดมกำลังเจ้าหน้าที่มากกว่า 40,000 นาย เพิ่มอีก 4 เท่าจากการประท้วงเมื่อวันพุธ เพื่อควบคุมสถานการณ์ทั่วประเทศ ด้านทางการแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ สถานที่ตั้งของกรุงปารีส และเมืองน็องแตร์ ประกาศระงับให้บริการขนส่งสาธารณะทุกเส้นทาง หลังเวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง


ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และประณามการประท้วงโดยใช้ความรุนแรงว่า “ไม่สมเหตุสมผล”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จุดประเด็นการวิจารณ์เกี่ยวกับ “การใช้อำนาจเกินขอบเขตของเจ้าพนักงาน” และทำให้หลายฝ่ายนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์จลาจลเมื่อปี 2548 ซึ่งมีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 6,000 คน โดยมีชนวนเหตุจากการที่เด็กชายชาวแอฟริกันสองคนเสียชีวิต ระหว่างการติดตามจับกุมของตำรวจ.

เครดิตภาพ : AFP