สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า จากกรณีนายซัลวาน โมมิกา วัย 37 ปี ซึ่งลี้ภัยจากอิรักไปยังสวีเดนนานหลายปีแล้ว ก่อเหตุเผาพระคัมภีร์ หน้ามัสยิดใหญ่ในกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับอนุญาตจากตำรวจ และโมมิกาให้เหตุผลว่า “เพื่อต้องการแสดงเสรีภาพ ของการแสดงออกทางความคิด” เกี่ยวกับ “ความเห็นที่มีต่อพระคัมภีร์”
กระทรวงการต่างประเทศสวีเดนออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลมีความเข้าใจในระดับสูงสุด ว่าพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้แก่ชาวมุสลิมทั่วโลก รัฐบาลขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับสูงสุด และขอเน้นย้ำว่า เรื่องนี้เป็นการแสดงออกส่วนบุคคล ไม่ได้สะท้อนถึงนโยบายของรัฐบาลในด้านใด
ขณะที่องค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ออกแถลงการณ์ประณามอย่างหนัก และเรียกร้อง ให้รัฐบาลสวีเดนออกชุดมาตรการอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ การอนุญาตให้ประท้วงโดยการเผาพระคัมภีร์ของตำรวจสวีเดน เกิดขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ หลังศาลอุทธรณ์ของสวีเดน มีคำพิพากษาว่า ตำรวจ “ไม่สามารถปฏิเสธ” การอนุญาตการประท้วง ที่มีการจัดกิจกรรมรวมถึงการเผาพระคัมภีร์
เรื่องนี้อาจส่งผลต่อความพยายามในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี เคยกล่าวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลของประเทศใดก็ตาม ซึ่งอนุญาตให้ประชาชนแสดงพฤติกรรมหมิ่นศาสนาเช่นนั้น ไม่ควรคาดหวังความสนับสนุนจากตุรกีอีกต่อไป ในการเข้าเป็นสมาชิกนาโต
นอกจากนั้น ตุรกีและสวีเดนยังคงมีความไม่ลงรอยกัน ในเรื่องที่สวีเดนเป็นสถานที่ลี้ภัยให้กับนักการเมือง และนักรบหลายคนของพรรคคนงานเคอร์ดิสถาน (พีเคเค) ที่รัฐบาลอังการาขึ้นบัญชีดำเป็น “กลุ่มก่อการร้าย”.
เครดิตภาพ : AFP