หน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยกำลังเดินถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จับสัญญาณหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เริ่มเห็นเมฆดำตั้งเค้าทะมึนส่งสัญญาณพายุลูกใหญ่กำลังใกล้เข้า

ฟันธงล่วงหน้า ภาพที่คนไทยทั้งประเทศจะได้เห็นเต็มสองตาหลังจากนี้คือฉากปะฉะดะทางการเมืองครั้งใหญ่ที่เป็นผลพวงจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตามท้องเรื่องแม้ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ 5 รัฐมนตรีผ่านด่านลงมติซักฟอกตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 151

แต่ต้องยอมรับศึกครั้งนี้ท่านผู้นำตกอยู่ในสภาพบอบช้ำสะบักสะบอมอย่างหนัก มีบาดแผลฉกรรจ์เต็มหลังมากที่สุดในรอบ7 ปี

ไม่มีใครคาดคิด พล.อ.ประยุทธ์จะโดนฉีกหน้ากลางห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ออกอากาศไปทั่วประเทศได้คะแนนไว้วางใจอันดับรองบ๊วย ซ้ำร้ายท่านผู้นำยังได้คะแนนโหวตไม่ไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่มากที่สุด!!

ขณะที่คะแนนไว้วางใจอันดับหนึ่งเป็นของเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนเท่ากัน

ส่วน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่เป็นรัฐมนตรีป้ายแดงสมัยแรกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้คะแนนไว้วางใจอันดับสาม และสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จากพรรค พปชร. คะแนนรั้งท้ายมีแต้มห่างจากท่านผู้นำเพียง 1 คะแนน 

การลงมติฉีกหน้านายกฯครั้งนี้ มีคะแนนเสียงพรรคเล็ก เป็นตัวแปรสำคัญท่ามกลางกระแสข่าว หลายฝ่ายเดินเกมใต้ดินทุ่มเม็ดซื้อ ส.ส.ปัดเศษตามกลไกบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญฉบับ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”

กดปุ่มสั่งพรรคเล็กให้โหวตหนุน รมต.พรรคตัวเองและทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามไปในเวลาเดียวกัน!!

ปรากฏการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นภาพรอยร้าวภายในรัฐบาลที่เต็มไปด้วยการหักหลัง แย่งชิงผลประโยชน์

ทำให้เห็นสัจธรรมของ “โลกธรรม 8” พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มเสื่อมอำนาจ บารมี และถูกนินทาว่าร้ายตามลำดับอย่างต่อเนื่อง

สภาพการณ์เช่นนี้มีแนวโน้มสูงที่ท่านผู้นำต้องรีบปรับ ครม. เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ทางเลือกตอนนี้เหลือแค่ 2 ทาง

(1) ทางแรก พล.อ.ประยุทธ์ ยอมเข้าเกียร์ถอยปรับครม.เพื่อเกลี่ยอำนาจและผลประโยชน์กลุ่มต่างให้ลงตัว ลดแรงกระเพื่อมประคับประคอง ไม่ให้รัฐนาวาสิ้นอายุขัยก่อนครบวาระช่วงต้นปี 2566         

(2 )ทางที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ ถือดาบสองมือบุกทะลวงฟันเดินหน้าชนกำจัดกลุ่มหวังดีประสงค์ร้าย ที่ต่อหน้าแสร้งทำหวังดีแต่ลึกๆต้องการให้ผู้นำรัฐบาลเกิดความผิดพลาดเพื่อหวังผลทางการเมือง

หากท่านผู้นำเลือกทางที่สองแม้การล้างไพ่รอบนี้ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมแต่อย่าลืม พล.อ.ประยุทธ์ เหลือไพ่ใบสุดท้ายที่ซ่อนใต้โต๊ะ คือไพ่ยุบสภา “เซตซีโร่” เกลี่ยอำนาจใหม่ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 103

พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่าหากเลือกตั้งใหม่ยังมี เสียง 250 ส.ว.ที่แต่งตั้งโดย หัวหน้า คสช.เป็นกองหนุนสำคัญในการเลือกนายกฯ และกำหนดเกมโหวตในสภา !!

การเมืองไทยกำลังเดินมาถึงทางสองแพร่ง จุดวัดใจระหว่าง “ประนีประนอม”หรือ “แตกหัก”

ความชัดเจนทั้งหมดข้างต้นจะเกิดขึ้นหลังลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระที่สาม วันที่ 10 ก.ย. เพื่อปรับเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งใหม่

เป็นสัญญาณให้พรรคการเมืองสะสมกระสุนดินดำ สั่งไพร่พลติดดาบปลายปืน รอเข้าตะลุมบอนสมรภูมิเลือกตั้งในอนาคต!!.