เรียกได้ว่าเมื่อวานเป็นวันที่ประชาชนทั่วประเทศไทย ต่างพากันเปิดไลฟ์สด เกาะติดวันชี้ชะตาโหวต “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 หรือไม่? ทั้งชมผ่านช่องทางยูทูบ DailynewsOnline และช่องของรัฐสภาไทย แต่ทว่าในช่วงการประชุม ก็มีเหตุการณ์อภิปรายอย่างดุเดือด

หลังจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อโหวตเป็นนายกฯ แต่ทางด้าน “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ก็ได้ลุกขึ้นอภิปรายในสภา เน้นย้ำประเด็นนโยบายแก้ไข ม.112 และมีการกล่าวถึง 14 ล้านเสียงจากประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคก้าวไกลนั้น “ไม่ใช่เทวดา” พร้อมตะโกนพูดเน้นย้ำว่า “ท่านอย่าหลงระเริงคำว่า 14 ล้านเสียง เพราะมันไม่ถึง 20% มันไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศนี้”

ทั้งนี้ในการอภิปราย ชาดายังพูดต่ออีกว่า “ถ้าท่านปล่อยให้คนด่าแล้วไม่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยจะยิงกันหมด ผมอาจจะขอเขาว่า ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันแล้วไม่ติดคุก” ซึ่งภายหลังจากพูดอภิปรายเสร็จ ทำให้ชื่อ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” กลายเป็นที่น่าสนใจ และมีชาวเน็ตขุดสืบค้นเรื่องราวในอดีต จนพบว่าชีวิตของชาดา เต็มไปด้วยความผาดโผน

โดยวันนี้ทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับชายคนนี้ หรือที่ชาวบ้านละแวกนั้นถึงกับตั้งฉายาว่า เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง แท้จริงแล้วผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ถึงปัจจุบันนั่งชูคอด้วยความสง่างามในสภาได้

สำหรับประวัติ ชาดา ไทยเศรษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2504 เคยสมรสกับ เตือนจิตรา แสงไกร (หย่า) และ อัจฉรา ทองเทพ (หย่า) โดยมีบุตรชายและบุตรสาวรวมทั้งหมด 7 คน ซึ่งเป็นบุตรในสมรส 4 คน และเป็นบุตรนอกสมรส 3 คน

ในต้นตระกูลเป็นชาวมุสลิมปาทาน ที่ได้เดินทางอพยพจากปากีสถาน และมาตั้งรกรากใน จ.อุทัยธานี ตั้งแต่รุ่นปู่ ซึ่งเคยเป็นพ่อค้าเนื้อรายใหญ่ที่สุดในจังหวัด จนมาถึงยุคของคุณพ่อ เดชา ไทยเศรษฐ์ ก็หันไปเป็นพ่อค้าซุงและค้าเนื้อ แต่ยุคนี้คุณพ่อของชาดา ได้มีการส่งออกต่างประเทศและขายในประเทศไทย ซึ่งทำให้ในยุคนั้นได้กำไรมหาศาล

ต่อมาคุณพ่อของชาดา ก็ถูกยิงเสียชีวิต ตอนเขาอายุเพียง 7 ขวบ และแม่ก็ถูกยิงเสียชีวิตในปีเดียวกันพร้อมกับพี่ชาย หลังจากรับธุรกิจค้าเนื้อต่อจากคุณพ่อ ซึ่งในขณะนั้นชาดาต้องดิ้นรนทำทุกอย่าง และก็ต้องเลี้ยงน้องสาว จนทั้งคู่โตมาได้อย่างดี

การศึกษา
– ระดับชั้นมัธยมศึกษาจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
– ระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
– ระดับปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ภายหลังต่อมาก็ได้หันมาเอาดีทางด้านการเมือง เริ่มก้าวเข้ามาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี จากนั้นปี 2543 เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคถิ่นไทย ยาวมาจนถึงปี 2550 รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.อุทัยธานี สังกัดพรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในการเลือกตั้ง 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะนั้นชาดาได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการงบประมาณ พอมาถึงปี 2561 ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.อุทัยธานี เขต 2 และล่าสุดเพิ่งชนะในการเลือกตั้งปี 2566 ด้วยคะแนน 29,741 ขึ้นแท่นเป็น ส.ส.อุทัยธานี อีกหนึ่งสมัย แต่ทว่าเรื่องราวของชาดา ยังไม่จบเพียงเท่านี้

  • ในปี 2546 เคยถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่า สมเกียรติ จันทร์หิรัญ เลขานุการของ ประแสง มงคลศิริ ส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งสุดท้ายศาลก็ได้พิพากษา ยกฟ้องในปี 2548
  • ในปี 2555 เคยถูกลอบยิงที่ จ.นครราชสีมา แต่กระสุนลูกนั้นกลับไปฝังร่าง ฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชายของชาดา สาเหตุไม่พอใจการเปิดไฟสูงรถยนต์ใส่กัน
  • ในปี 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าค้นบ้านชาดา พบอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง และเคยถูกกองปราบปรามตรวจค้นขบวนรถ 8 คัน พบอาวุธปืน 6 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน และยาอี 1 เม็ด ขณะกำลังเดินทางร่วมงานศพอดีตลูกน้อง แต่มีเพียงคนขับรถรับว่ายาอีเป็นของตน จนถูกดำเนินคดี
  • ในปี 2565 เคยลงมือตบหน้า ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ระหว่างการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เหตุผิดคิวในการอภิปรายแซง

แม้ว่าชาดาจะมีเรื่องราวในอดีตสุดผาดโผนมามากแค่ไหน แต่เรื่องการทำงานเพื่อปากท้องประชาชน ก็ดูเหมือนว่าชาดาจะอุทิศตนยอมทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวมอีกด้วย…