หลังจาก ครม. ไฟเขียวร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากใหม่ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 2 รูปแบบ ได้แก่ ลอตเตอรี่ 6 หรือ L6 และสลากเลข 3 หลัก หรือ N3 ทีมข่าวเศรษฐกิจ พาไปเจาะลึก รูปแบบผลิตภัณฑ์สลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้ง 2 รูปแบบ ให้ติดตามกัน

สลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก (NUMBERS 3 : N3)

– เป็นสลากฯ แบบสมทบเงินรางวัล หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลจะนำเงินที่จัดสรรไว้ไปสมทบเพื่อจ่ายเป็น เงินรางวัลในงวดถัดไปก็ได้แต่ไม่เกินหนึ่งงวด ทั้งนี้เงินที่ได้นำไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไป ถ้าไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลดังกล่าว ให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

– วิธีการเลือกซื้อสลาก : สามารถเลือกหมายเลขตั้งแต่ 000 ถึง 999 จำนวน 1 หมายเลข ต่อการเลือกซื้อสลาก 1 รายการ  การซื้อทุก ๆ 1 รายการ จะได้หมายเลขรางวัลพิเศษ 1 หมายเลข หรือรางวัลแจ๊กพอต

– จำกัดอายุผู้ซื้อ-ผู้ขาย 20 ปี ขึ้นไป

– จำหน่ายใบละ 50 บาท ผ่านช่องทางดิจิทัล

– การจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด เป็นไปตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คือ ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่าร้อยละ 23 เป็นรายได้แผ่นดิน และไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน

สำหรับการจัดสรรรางวัลนั้น กำหนด 4 รางวัล ได้แก่

– รางวัลสามตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) เต็ง คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัลและหลักตรงกัน

– รางวัลสามสลับหลัก (ตรงเลข-สลับหลัก) โต๊ด คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัลแต่หลักสลับกัน

– รางวัลสองตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัลและหลักตรงกัน

– รางวัลพิเศษ

สำหรับสัดส่วนเงินรางวัลร้อยละ 60 ของยอดการจำหน่ายสลากรวมในแต่ละงวด มีสัดส่วนแต่ละรางวัลแต่ละรางวัลดังนี้ รางวัลสามตรง ร้อยละ 30 รางวัลสามสลับหลัก ร้อยละ 30 รางวัลสองตรง ร้อยละ 39 และรางวัลพิเศษ ร้อยละ 1

– การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก ผู้ซื้อสามารถเลือกหมายเลขที่ตนเองต้องการได้ทุกหมายเลข ตั้งแต่ หมายเลข 000 ถึงหมายเลข 999 ออกจำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัล

– ออกรางวัล เดือนละ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน

การจ่ายรางวัลจากเงินรางวัลร้อยละ 60 ของยอดการจำหน่ายสลากรวมในแต่ละงวด ดังนี้

– รางวัลสามตรง จ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรร้อยละ 30 ให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสามตรง ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ

– รางวัลสามสลับหลัก จ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรร้อยละ 30 ให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสามสลับหลัก ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ

– รางวัลสองตรง จ่ายแบบผันแปร จากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรร้อยละ 39 ให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลสองตรง ในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นเงินจำนวนเต็มไม่มีเศษ (ปัดเศษทิ้ง) และนำเศษที่เหลือไปรวมสมทบกับรางวัลพิเศษ

– รางวัลพิเศษ หรือแจ๊กพอต จ่ายจากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรร้อยละ 1 และเศษของเงินรางวัลที่ถูกนำมาสมทบ จ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลตามจำนวนผู้ถูกรางวัลพิเศษ

–  ผู้ถูกรางวัลได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ต้องชำระอากรแสตมป์ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท ต่ออากรแสตมป์ 1 บาท ตามประมวลรัษฎากร (อัตราส่วนค่าอากรแสตมป์ 0.50 บาท ต่อเงินรางวัล 100 บาท หรือเศษของ 100 บาท)

สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (LOTTERY 6 : L6)

เป็นสลากคล้ายลอตเตอรี่ ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่มีการพิมพ์ออกมาเป็นใบ ใช้วิธีซื้อขายผ่านทางดิจิทัล ไม่สมทบเงินรางวัล หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้ถูกเงินรางวัลจะไม่นำไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไป

วิธีการเลือกสลาก

สามารถเลือกสลาก 1 หมายเลขต่อ ฉบับ/รายการ ประกอบด้วย หมายเลข 6 หลัก ตั้งแต่ 000000-999999 ที่ปรากฏอยู่บนใบสลากหรือบนระบบดิจิทัล ต่อ 1 ฉบับ/รายการ

คุณสมบัติผู้ซื้อ-ผู้ขาย – จำกัดอายุผู้ซื้อ-ผู้ขาย 20 ปี ขึ้นไป

กำหนดการจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวด ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้

1. ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล

2. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 23 เป็นรายได้แผ่นดิน

3. ไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน

การจัดสรรรางวัล

– สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก จะจำหน่ายออกเป็นชุด ชุดละ 1,000,000 ฉบับ/รายการ แต่ละฉบับ/รายการ ประกอบด้วย หมายเลข 6 หลัก ตั้งแต่ 000000-999999 ในแต่ละชุดเป็นการกำหนดหมายเลขไว้ล่วงหน้า (มีหมายเลขจำกัด) ไม่สามารถเลือกเลขซ้ำกันได้ การจัดสรรรางวัลในแต่ละชุด มี 9 รางวัล จำนวนรางวัลทั้งหมด 14,168 รางวัลต่อสลาก 1 ชุด ดังนี้ การออกรางวัล ออกรางวัล เดือนละ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน

การจ่ายเงินรางวัล

– เงินรางวัลร้อยละ 60 ของยอดการจำหน่ายสลากรวมในแต่ละงวด กำหนดสัดส่วน ในการจัดสรรเงินรางวัล คือ รางวัลที่ 1 ร้อยละ 12.50 รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ร้อยละ 0.42 รางวัลที่ 2 ร้อยละ 2.08 รางวัลที่ 3 ร้อยละ 1.67 รางวัลที่ 4 ร้อยละ 4.17 รางวัลที่ 5 ร้อยละ 4.17 รางวัลเลขหน้า 3 ตัว ร้อยละ 16.66 รางวัลเลขท้าย 3 ตัว ร้อยละ 16.66 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว ร้อยละ 41.67

– ผู้ถูกรางวัลได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ต้องชำระอากรแสตมป์ใบรับรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท ต่ออากรแสตมป์ 1 บาท ตามประมวลรัษฎากร (อัตราส่วนค่าอากรแสตมป์ 0.50 บาท ต่อเงินรางวัล 100 บาท หรือเศษของ 100 บาท)