สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ว่า กูเตร์เรส กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เกี่ยวกับประเด็นนี้เป็นครั้งแรกว่า มันเป็นที่แน่ชัดว่า เอไอจะมีผลกระทบต่อทุกด้านในชีวิตของมนุษย์

“เอไอสำหรับการสร้างคอนเทนต์ มีศักยภาพมหาศาลสำหรับด้านดีและไม่ดีในวงกว้าง” กูเตร์เรส กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เอไอจะช่วยยุติความยากไร้ หรือรักษาโรคมะเร็ง แต่เทคโนโลยีนี้อาจมี “ผลกระทบร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก”

ขณะที่ นายเจมส์ เคลเวอร์ลี รมว.การต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุเสริมว่า เอไอจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของยูเอ็นเอสซี ซึ่งมันอาจยกระดับ หรือทำลายเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ทั่วโลกได้”

“มันเป็นการท้าทายสมมุติฐานพื้นฐานของเรา เกี่ยวกับการป้องกันและการป้องปราม ซึ่งทำให้เกิดคำถามทางศีลธรรมเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจที่ร้ายแรงในสนามรบ” เคลเวอร์ลี กล่าว

อนึ่ง กูเตร์เรสขอให้ประเทศสมาชิกยูเอ็น นำสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมายมาใช้ เพื่อยับยั้งระบบอาวุธสังหารอัตโนมัติ (แอลเอดับเบิลยูเอส) ภายในสิ้นปี 2569 พร้อมกับเสริมว่า แม้เอไอสามารถระบุรูปแบบของความรุนแรง หรือเฝ้าติดตามการหยุดยิง แต่การใช้เอไอโดยผู้ก่อการร้ายหรือรัฐบาลที่มีเจตนาร้าย อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตและการทำลายล้างในระดับที่น่ากลัว

นอกจากนี้ กูเตร์เรสยังเตือนว่า เอไอที่ทำงานผิดปกติอาจสร้างหายนะได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเทคโนโลยีข้างต้นถูกใช้ร่วมกับระบบอาวุธนิวเคลียร์ หรือเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกร้องให้มีข้อตกลงในหลักการทั่วไป เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์โดยมนุษย์ รวมทั้งขอให้มีคณะทำงาน เพื่อพัฒนาทางเลือกสำหรับการกำกับดูแลเอไอทั่วโลก ภายในสิ้นปีนี้.

เครดิตภาพ : AFP