จากเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ซึ่ง นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทำให้นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกเสนอ เป็นญัตติให้มีการพิจารณาว่าการเสนอพิธาเป็นนายกฯ ขัดต่อข้อบังคับข้อที่ 41 หรือไม่ โดยมีผู้รับรองถูกต้อง

ทำให้ในเวลาต่อมามีการอภิปรายลากยาว และมีชอตเด็ดวาทะคารมอย่างดุเดือด โดยวันนี้ทีมข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาย้อนชมเหตุการณ์วาทะเดือดระหว่าง สส. และ สว.

โดยในช่วงบ่ายระหว่างนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็น สส. ของพิธา จากเหตุถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น พร้อมมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ซึ่งทำให้ในเวลาต่อมาพิธา ลุกเปิดไมค์ขออนุญาตประธานรัฐสภากล่าวต่อที่ประชุม ระบุว่า “ตอนนี้มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คงจะขออนุญาตพูดว่า รับทราบคำสั่ง และจะปฏิบัติตามจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น ขอใช้โอกาสนี้อำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ และขอฝากเพื่อนสมาชิก ในการใช้รัฐสภาดูแลพี่น้องประชาชน คิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ถ้าเกิดประชาชนชนะมาแล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ขอให้เพื่อนสมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป”

ภายหลังจากพิธากล่าวจบ ก็ได้เดินออกไป ท่ามกลาง สส. หลายคนลุกขึ้นยืนเพื่อปรบมือส่งกำลังใจให้พิธา จนดังสนั่นเสียงก้องห้องประชุมอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ก็ลุกขึ้นยืนโต้แย้งในที่ประชุม ต่อข้อเสนอที่อ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ที่ว่า “ญัตติใดซึ่งตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติขึ้นเสนอซ้ำ” โดยอ้างว่าการเสนอชื่อ พิธา เพื่อลงมติเห็นชอบในวันนี้จัดเป็น “ญัตติ” ตามข้อบังคับดังกล่าว “ผมไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งเป็นการตีความข้อบังคับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะก่อให้เกิดปัญหากระทบต่อสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญในส่วนที่ว่าด้วยการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี พวกท่านเพียงแค่ไม่ต้องการให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ก็ถึงขนาดทำลายหลักการทุกหลักการที่มีในรัฐธรรมนูญลงเสีย เผาบ้านเพื่อไล่หนู”

รังสิมันต์ โรม ยังแจกแจงเหตุผล 4 ข้อ โต้แย้งการตีความข้อบังคับในลักษณะและยังทิ้งคำถามส่งท้าย “พวกท่านทั้งหลาย พวกท่านหวาดกลัวยุคสมัยใหม่ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

ในการประชุมโหวตเลือกนายกฯ ก็ถกเถียงยาวนานมากว่า 6 ชั่วโมง กับอภิปรายเรื่องเสนอชื่อนายกฯ เป็นญัตติในสภาหรือไม่? ซึ่งทางด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. จากพรรคก้าวไกล ก็ระบุว่าไม่มีรัฐธรรมนูญข้อไหนที่มีความมุ่งหมายห้ามเสนอชื่อคนเดิมเป็นนายกฯ ซ้ำ เพราะถ้ารัฐธรรมนูญมีความมุ่งหมายเช่นว่า ก็ต้องระบุเอาไว้ พร้อมกับพูดเน้นย้ำถึงประเด็น “เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป” โดยระบุว่า แม้จะเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน อะไรก็อาจะเปลี่ยน พร้อมยกตัวอย่างในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 จะมีการพูดเอาไว้ในสภาบางประโยค แต่คนคนเดิม สิ่งที่เคยพูดเอาไว้กลับเปลี่ยนแปลงไป

ต่อมามีการเปิดคลิปของ สว.สมชาย แสวงการ ในระหว่างการประชุมสภาที่กล่าวถึงอำนาจของ สว. ในการโหวตนายกฯ ว่า “เพราะฉะนั้น ความเห็นผมเนี่ย คิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดสวิตช์หรือแก้มาตรานี้ (มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ สว.โหวตนายกฯ) เลยครับเลือกตั้งครั้งหน้า ท่านไปรวมมาให้ได้สัก 270-300 เสียง สว. ก็ไม่มีปัญญาอะไรจะไปโหวตค้าน คนที่สภาเห็นว่าเหมาะสมเป็นนายกฯ”

วิโรจน์ ยังระบุอีกว่า พฤติกรรมของ สว. นั้น ไม่ตรงกับสิ่งที่เคยพูด ทำให้ สว.สมชาย ลุกประท้วง “ขอให้ถอนคลิปดังกล่าว เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ ผมก็มีคลิปของนายวิโรจน์ จำนวนมาก แต่ไม่อยากนำมาเปิด เพราะคิดว่าสภาแห่งนี้เดินหน้าไปด้วยดีแล้ว” จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ได้วินิจฉัยให้ วิโรจน์ ถอนคลิปดังกล่าว พร้อมให้เหตุผลว่าคลิปนี้ไม่ได้ขออนุญาต แต่วิโรจน์ปฏิเสธพร้อมโต้แย้งว่า ได้ขออนุญาตจากนายวันมูหะมัดนอร์แล้วเปลี่ยนใจภายหลังได้อย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์จึงขอให้นายวิโรจน์พอแค่นี้ และหยุดการอภิปราย

ต่อมา สว.สมชาย จึงได้ประท้วง นายวันมูหะมัดนอร์ ให้ควบคุมการประชุมให้มีการเรียบร้อยพร้อมระบุว่า “คลิปดังกล่าวเป็นคนละเหตุการณ์ และต่างสถานการณ์ ไม่ควรนำมาตีกินแบบนี้ ทำแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษ คุณวิโรจน์ โตหน่อยครับ อย่าเล่นเป็นเด็ก โตแล้วนะครับ โตซะทีเถอะ” ทำให้ นายวิโรจน์ กล่าวตอบโต้ว่า “แก่ให้เป็นซะทีเถอะครับ แก่ให้เป็นด้วย อย่าแก่กะโหลกกะลาครับท่าน” จนสุดท้าย นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ตัดสินให้ทั้งคู่ยุติการตอบโต้ และระบุว่าไม่ต้องถอนคลิปที่เปิดไปแล้วเพื่อให้การประชุมดำเนินต่อไป พร้อมยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตรวจสอบคลิปก่อนอนุญาตให้นำมาเปิดในสภา

และมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าดุเดือดมากคือ สว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ลุกขึ้นขอให้ประธาน พิจารณาว่า “ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีผลบังคับแล้ว สั่งให้พิธายุติปฏิบัติหน้าที่ด้วยมติ 7 ต่อ 2 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติออกมาอย่างนี้ ขอให้นำประกอบการพิจารณาด้วย

ซึ่ง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นขอท้วงแต่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมขอให้ สว.กิตติศักดิ์ พูดให้จบก่อน นายวิโรจน์ ก็แย้งกลับว่า “ไม่ ตามข้อบังคับเมื่อมีบุคคลประท้วง ต้องยืนแล้วยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ประธานต้องพิจารณาให้ผู้ประท้วงประท้วงก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีความเสียหายเกิดขึ้น ถ้าปล่อยให้บุคคลคนนี้พูดในสภา ท่านประธานจะรับผิดชอบหรือไม่”

นายกิตติศักดิ์ พูดสวนขึ้นทันทีว่า “มีศักดิ์และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ สามารถที่จะอภิปรายได้ อย่าใจร้อนนัก” นายพรเพชร บอกว่า รอหน่อยสิ ผมเพิ่งนั่งเนี่ย ตามข้อบังคับใช้ แต่ตอนนี้เพิ่งเปลี่ยนเก้าอี้ นายวิโรจน์จึงเปลี่ยนเป็นประท้วงประธานแทน แต่นายพรเพชรไม่ให้ประท้วง และให้นายวิโรจน์นั่งลงและกดปิดไมค์วิโรจน์ ซึ่งทำให้เขาตะโกนลั่นห้องประชุม ทั้งที่ถูกปิดไมค์ว่าประธานทำอย่างนี้ได้อย่างไร

กระทั่งนายพรเพชรก็ให้อภิปราย จากนั้น นายวิโรจน์ อภิปรายประท้วง นายกิตติศักดิ์ “ระเบียบราชการก็คงต้องรอหนังสือราชการมาอย่างเป็นทางการก่อน ไม่ต้องแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนั้น ทำไมอยากจะเข้าวัดที่พิจิตรมากขนาดนั้นเลยหรือ ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรือ เพราะต่อให้ท่านอยากจะเข้าวัด ก็เข้าวัดไม่ได้” นายพรเพชรจึงขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดแค่นี้ และขอให้ทั้งสองฝ่ายอย่าทะเลาะกัน

นอกจากนี้ ยังมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หล่นวาทะเด็ดในวันการเมืองร้อนแรงไว้ด้วยว่า “ด้อมส้มเป็นใคร พวกนั้นมีความรู้แค่ไหน เป็นแค่เด็กวานซืน อายุ 18 ปี สมองยังไม่มี ไปปิดสภาจะเอากำลังไปล้อม ไม่มีใครกลัวหรอก พิธา ก้าวไกล เป็นแบบนี้ มันถึงพัง เพราะเชื่อด้อมส้ม”

ภายหลังจากจบการประชุมด้าน สส. และ สว. ก็ได้หลบหน้านักข่าวไม่ขอสัมภาษณ์การประชุมในวันนี้ และมีการหลบมวลชนกลับทางน้ำ ที่ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้อีกด้วย แต่มีเพียงพรรคก้าวไกล ที่ออกมาเผชิญหน้ากับมวลชนที่รออยู่บริเวณหน้ารัฐสภา…