สืบเนื่องกรณีรถยนต์ตกลงไปในคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต กทม. เหตุน้ำท่วมขังจากฝนตกขัง และไม่มีป้ายเตือนจุดก่อสร้าง เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เผยความคืบหน้าจากกรณีดังกล่าวว่า ถนนในกรุงเทพฯ มีหลายเส้นทางที่อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง อาทิ แจ้งวัฒนะ รามอินทรา สุวินทวงศ์ พระราม 2 ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งขณะนี้ถนนวิภาวดีรังสิต อยู่ระหว่างโครงการทำคูน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำและปรับภูมิทัศน์ แต่ก็ไม่คาดคิด เมื่อฝนตกจะทำให้สังเกตไม่ได้ว่าจุดใดคือคูน้ำ หรือถนน จึงได้กำชับการตั้งแบริเออร์บอกแนวระหว่างถนนกับคูน้ำทุกจุด เพราะเห็นว่าหลายจุดไม่มี โดยเฉพาะจุดเสี่ยงน้ำท่วม รวมถึงติดตั้งไฟส่องสว่างให้เห็นแบริเออร์ชัดเจน

พร้อมย้ำ หากมีแบริเออร์แต่ไม่มีไฟ ก็จะไม่เห็นและเสี่ยงอันตรายซ้ำ ไม่ใช่เฉพาะโครงการของกรมทางหลวง แต่ทุกโครงการของ กทม. ด้วย นอกจากนี้ เน้นไปถึงการกองวัสดุที่ใช้สำหรับก่อสร้างว่ามีนโยบายไม่ให้กองในที่สาธารณะ ให้มีที่จัดเก็บเฉพาะ ป้องกันชิ้นส่วนวัสดุไหลลงไปอุดช่องทางระบายน้ำ

ส่วนสถานการณ์ฝนในพื้นที่ กทม. ผู้ว่าฯ กทม. ล่าสุดยังมีความเสี่ยง เพราะยังมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านเหนือ กทม. ทำให้มีฝนตกในพื้นที่ แต่เป็นฝนลักษณะอ้อยอิ่ง ตกแช่ในพื้นที่นาน เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้บางจุดปริมาณฝนมากถึง 139 มม. ถือว่าสูงมาก และวานนี้ที่เขตลาดกระบัง ฝนตกสูงถึง 100 มม. แต่การบริหารจัดการภาพรวมถือว่าทำได้ดี น้ำลงค่อนข้างเร็ว ถนนหลักน้ำแห้งหมดแล้ว มีบ้างบางจุดที่ชุมชนย่อยและในซอยย่อย ที่ได้รับแจ้ง เช่น ลาดพร้าว 24/4 พัฒนาการ 54 ต้องเร่งนำหน่วยไปซับน้ำออก

“ก็คงต้องระวังฝนต่อไป ต้องเร่งพร่องน้ำในคลอง ที่ห่วงคือฝั่งตะวันออก คลองประเวศฯ และคลองเชื่อมต่างๆ ระดับน้ำยังสูง ได้ให้เร่งระบายออกไปแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่สูงมาก”

สำหรับปัญหาขยะที่เห็นยังมีขยะติดตะแกรง จากที่ไปตรวจสอบหน้างานพบปัญหาหนึ่งคือ ขยะที่ประชาชนนำไปวางรอรถขยะมาจัดเก็บ เกิดฝนตกลงมาก่อนเวลาที่รถขยะเข้าไปจัดเก็บ จึงโดนฝนชะไป เป็นเรื่องของเวลาที่ยังจัดเก็บไม่หมด ต้องช่วยกันดูแลให้เก็บขยะไว้ในบ้านก่อน แล้วนำออกมาวางใกล้ๆ เวลารถมาเก็บ ขณะเดียวกันมีโครงการคอกเขียวที่ กทม. ทำอยู่ เป็นคอกรวบรวมขยะก่อนที่รถจะมาจัดเก็บ หากเพิ่มให้มากขึ้นก็จะช่วยลดปัญหาขยะอุดตันได้ อีกส่วนคือถังขยะไม่พอ ก็จะเพิ่มจำนวนถังขยะตามพื้นที่ต่างๆ อีก 10,000 ใบ

ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้ประสานกรมทางหลวงซึ่งผู้บริหารเองรับจะเข้มงวดกวดขัน ตรวจตราทุกโครงการที่อยู่ในพื้นที่ กทม. รวมถึงโครงการของ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ สั่งการตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ให้เข้มงวดในการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการที่มีผลกระทบต่อการจราจรต่อประชาชน

สำหรับการระบายน้ำในโครงการก่อสร้างบนถนนวิภาวดีรังสิตนั้น มีการพูดคุยกันตลอด เพราะระหว่างการก่อสร้างจะมีการบล็อกน้ำ จึงต้องทำบายพาสโดยการใช้เครื่องสูบน้ำดันข้ามไป และดูการพยากรณ์อากาศร่วมด้วย.