สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของจีนซึ่งทรงปกครองแผ่นดินระหว่างปี 221-210 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลส่านซี เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยเฉพาะกองทัพทหารดินเผา และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 2530

แม้ว่าบริเวณโดยรอบจะได้ร้บการสำรวจไปมากแล้ว แต่พื้นที่ส่วนที่เป็นที่ฝังพระศพจริง ๆ กลับยังไม่มีการเปิดออก โดยทีมนักโบราณคดีเผยว่าในตอนแรก สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเรื่องค่ายกลและกับดักที่อาจซ่อนอยู่ภายใน

ซือหม่าเฉียน อาลักษณ์หลวงและนักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญในยุคโบราณของจีน เคยเขียนบันทึกไว้ราว 100 ปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของจิ๋นซีฮ่องเต้ ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการวางกับดักสังหารไว้ภายในสุสาน

ในบันทึกของเขาเขียนไว้ว่ามีการสั่งให้ช่างอาวุธสร้างกับดักธนูและลูกศรที่เตรียมพร้อมจะยิงผู้ที่บุกรุกเข้ามาในสุสาน นอกจากนี้ยังมีการใช้สารปรอทจำนวนมากเป็นสัญลักษณ์แทนแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำเหลือง รวมถึงมหาสมุทรภายในที่ฝังพระศพ โดยมีกลไกทำให้สารปรอทเหล่านี้ไหลไปรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลา

แม้ว่าในภายหลัง นักวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบและมองว่าเป็นการสันนิษฐานที่เกินจริงในส่วนของกับดักสังหาร แต่จากกรณีศึกษาปี 2563 ก็พบไอระเหยของปรอทที่มีความเข้มข้นสูงเกินความคาดหมายรอบ ๆ พื้นที่ฝังพระศพ ซึ่งคาดว่าซึมออกมาจากรอยร้าวของโครงสร้างภายใน เมื่อกาลเวลาผ่านไป

อย่างไรก็ตาม ความวิตกเรื่องอันตรายจากไอระเหยของสารปรอทที่เข้มข้น ไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเดียวที่ทำให้ทีมนักโบราณคดีลังเลในการเปิดที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ หากยังรวมถึงความกังวลว่าการเปิดพื้นที่ออกสู่สภาพแวดล้อมด้านนอก อาจกลายเป็นปัจจัยในการทำลายสุสาน ก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับทหารดินเผา ซึ่งมีข้อมูลระบุว่า แต่เดิมมีสีสันสดใส แต่เมื่อโดนอากาศจากภายนอกไปไม่นาน สีก็ซีดจางลงจนหายไปหมด

จิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงเป็นจักรพรรดิประองค์แรกของจีนที่รวบรวมแผ่นดินจนเป็นปึกแผ่น จากหลักฐานในประวัติศาสตร์พบว่าพระองค์ทรงหลงใหลการเสวยน้ำจัณฑ์ผสมสารปรอท ด้วยทรงเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์จากพิษสารปรอทเมื่อมีพระชนมายุได้ 49 พรรษา

ที่มา : businessinsider.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES