“เดลินิวส์” ยังเกาะติดรายงานคดี “น้องจีน่า” เด็กหญิง อายุ 1 ขวบ 11 เดือน ที่ถูกอุ้มหายตัวปริศนา ไปจากบ้านพัก ในพื้นที่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ที่ 16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ก่อนตำรวจและเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน สนธิกำลังร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ออกระดมค้นหา นานร่วม 3 วัน กระทั่งพบน้อง อยู่ในกระท่อมบนเนินเขา ห่างจากหมู่บ้านราวๆ 2 กิโลเมตร ส่วนผู้ก่อเหตุ ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเสี่ยว หรือ นายอาข่า หรือนายอาผะ อายุ 44 ปี ชาวเขาเผ่าอาข่า มาเค้นสอบสวนจนยอมรับสารภาพ เป็นผู้ลงมือ แต่ให้การวกไปวนมา อ้างว่า เครือญาติฝ่ายแม่เด็ก ว่าจ้างเป็นยาบ้า ให้ก่อเหตุ เพื่อหวังได้ตัวเด็กไปเลี้ยง โดยเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหา ดำเนินคดีกับนายเสี่ยว แล้ว อยู่ระหว่างหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู้จอมบงการ ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป นำทีมตำรวจ บก.ป. ลงพื้นที่มาสอบปากคำ นายเสี่ยว ผู้ต้องหาด้วยตัวเอง รวมถึงลูกเลี้ยงของนายเสี่ยว และกลุ่มที่พบเจอน้องจีน่า เป็นกลุ่มแรก จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากการสอบปากคำ นายเสี่ยว ผู้ต้องหานั้น สอดคล้องตามที่สื่อเสนอข่าวไปแล้ว แต่ยังใช้ไม่ได้ต้องมีสอบสวนขยายผล หาหลักฐานเพิ่มเติม เพราะทุกอย่างเป็นคำให้การของผู้ต้องหา ทางตำรวจต้องหาหลักฐานให้สอดคล้องกันเพื่อสาวไปถึงกลุ่มผู้บงการ 

ส่วนกรณีหลักฐานที่เก็บได้จากบ้านยายของน้องจีน่านั้น ขณะนี้ทางพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า พี่สาวของยายน้องจีน่าที่ไปเจอคนแรก มีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปนั้น ยังไม่อยากพูดให้เป็นประเด็น ต้องรอหลักฐานให้ชัดเจนก่อนและพยายามเร่งรัดคดีนี้หาผู้บงการไห้ไว้ที่สุด เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนและ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจ บก.ป. ลงมาช่วยสางคดี เพื่อให้ความกระจ่างต่อสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากสอบปากคำนายเสี่ยวเสร็จสิ้น ตำรวจ บก.ป. และตำรวจ สภ.แม่แตง ได้ควบคุมตัว นายเสี่ยว ออกจาก สภ.แม่แตง เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมชี้จุดยืนยันคำให้การต่างๆที่นายเสี่ยว ได้ให้ไว้ โดยจากข้อมูลสำคัญนายเสี่ยว ให้การชัดถอดถึงหญิงคนหนึ่งเป็นคนบงการทุกอย่างเพราะอยากได้น้องจีน่า ไปเลี้ยง แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเพราะเป็นคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เก็บไว้เป็นหลักฐาน และกำลังหาหลักฐานเชื่อมโยง โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะเอามาใช้เอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดี โดยทุกอย่างต้องรอผลอย่างเป็นทางการเพื่อเอาผิด