สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า กรุงจาการ์ตา ซึ่งมีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน มีระดับมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ “เกือบทุกวัน” ซึ่งมันเกิดจากการจราจรที่ติดขัด, ควันจากอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ชาวเมืองต่างประสบความลำบาก และไม่พอใจกับสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา จนกระทั่งมีการยื่นฟ้องคดีแพ่ง เมื่อปี 2564 เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการควบคุมมลพิษทางอากาศ ในเวลานั้น ศาลตัดสินให้ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ต้องกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศของประเทศ เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์ อีกทั้ง รมว.สาธารณสุขอินโดนีเซีย และผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา ยังต้องวางกลยุทธ์ เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศเช่นกัน
Jakarta, which has a population of over 10 million, registers unhealthy air pollution levels nearly every day, according to Swiss air quality technology company IQAir. https://t.co/4UNgaMrU2L
— Rappler (@rapplerdotcom) August 10, 2023
อย่างไรก็ตาม นายนาธาน โรสแตนดี ผู้ร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชันคุณภาพอากาศ “นาฟาส อินโดนีเซีย” กล่าวว่า ระดับมลพิษยังคงเลวร้ายกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง
“พวกเราหายใจมากกว่า 20,000 ครั้งต่อวัน และถ้าเรารับอากาศเสียเข้าสู่ร่างกายทุกวัน มันอาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและปอด แม้กระทั่งโรคหอบหืด ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก หรือสุขภาพจิตได้” โรสแตนดี กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ วิโดโดตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหามลพิษในกรุงจาการ์ตา ว่า วิธีแก้ปัญหาคือ “การย้ายเมืองหลวง” จากกรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองนูซันตารา ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซีย กำลังก่อสร้างบนเกาะบอร์เนียว และจะสถาปนาเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศในปีหน้า.
เครดิตภาพ : AFP