เรียกได้ว่าเป็นกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์กันอย่างต่อเนื่อง สำหรับรูปปั้นขนาดใหญ่ยักษ์มีปีก ดวงตาแดง เขี้ยวสีทอง มีลักษณะคนกึ่งนกคือ “ครูกายแก้ว” พ่อใหญ่บรมครูผู้เรืองเวท ผู้ประทานพรความสำเร็จร่ำรวย โดยภายหลังยังมีการอ้างในโซเชียลมีเดียอีกด้วยว่า เกิดการตามหา ลูกหมา ลูกแมว สัตว์อายุน้อยเพื่อไปบูชายัญ เสริมความสิริมงคล จนกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง
-สยองว่อนเน็ต! อ้างลูกศิษย์ ‘ครูกายแก้ว’ หาลูกหมา-แมวบูชายัญเสริมมงคล

โดยหนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวคือ นายเดชา ศิริภัทร เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) ได้โพสต์ระบุว่า “เกิดเทรนด์​ใหม่​ ที่มาแรงในสังคมไทยตอนนี้​ คือกระแสความนิยม​ “ครูกายแก้ว​” ดังเห็นได้จาก​ แฮชแท็ก​ “ครูกายแก้ว” ติดเทรนด์​ เป็นอันดับ​ 1″ รายการ​ โหนกระแส​ ซึ่งเป็นรายการ​ ที่ชี้ถึงกระแสสังคมไทยในขณะนั้น​ ก็ทำเรื่องนี้
แล้วยังมีพิธี​อัญเชิญ​รูปหล่อ “ครูกายแก้ว” องค์ใหญ่​ ไปประดิษฐาน​ที่แยกรัชดา ลาดพร้าว

คงมีหลายท่านไม่รู้ว่า “ครู​กายแก้ว” คือใคร​ มาจากไหน​ ทำไมจึงกลายเป็นกระแสขึ้นมา ผมลองไปค้นดูก็พบว่าเป็นเรื่องที่เกิดมาไม่นาน​ และไม่มีหลักฐาน​ทางประวัติศา​สตร์รับรอง มีแต่เรื่องเล่าต่อๆ กันมาในกลุ่มคนเล็กๆ​ แล้วขยายความเชื่อ​ ออกไปอย่างรวดเร็วในสังคม เป็นอีกปรากฏ​การณ์​หนึ่ง​ ในยุค​สารสนเทศ​ ที่น่าศึกษาทำความเข้าใจ​ เพราะน่าแปลกมาก

“ครูกายแก้ว” ตามคำบอกเล่านั้น​ เคยเป็นพระอาจารย์ของ​ พระเจ้าสุริยวรมันที่​ 2​ ของขอม ซึ่งเป็นผู้สร้างปราสาทนครวัด​ สิ่งมหัศจรรย์​อย่างหนึ่งของโลก​ ตั้งอยู่​ในประเทศ​กัมพูชา เมี่อสิ้นชีวิตแล้ว “ครูกายแก้ว” กลายเป็น​ “เทพอสูร” มีอิทธิฤทธิ์​บันดาลโชคลาภความร่ำรวย ทำให้เกิดกระแสความนิยมขึ้นอย่างรวดเร็ว​ คล้ายกระแสความนิยม​ “ท้าวจตุคามรามเทพ”

คงยังจำปรากฏ​การ​ณ์​ “จตุคามรามเทพ” เมื่อช่วงปี​ 2530 ถึง​ 2535 กันได้ดีนะครับ มีการสร้างวัตถุมงคล​ “จตุคามรามเทพ” กันอย่างมากมาย​ บอกขายกันในสื่อทุกชนิด เพราะมีคำขวัญ​ที่เชื่อกันทั่วไป​ ในหมู่คนไทยขณะนั้นว่า​ “xึงมีxูไว้​ ไม่จน​” นั่นเอง และยังมีคำบรรยายคุณ​สมบัติ​ของท้าว “จตุคามรามเทพ” ว่าท่านเมตตา​ “ขอได้​ ไหว้รับ​” มาถึงปรากฏ​การณ์​ “ครูกายแก้ว​”ที่มีแนวทางเดียวกันคือ​ “บันดาลโชคลาภ​ ความร่ำรวย” คนไทยยุคนี้ที่คงลืมประสบการณ์​ “จตุคามรามเทพ” กันแล้ว​ จึงพากันนิยม “ครูกายแก้ว” ตอนนี้​ ก็มีผู้สร้างเหรียญ​รูป​ “ครูกายแก้ว” ออกมาแจกจ่ายให้นำไปบูชาขอโชคลาภกันแล้ว

คาดเอาไว้ล่วงหน้า​ได้เลยว่า​ ประวัติศาสตร์​จะกลับมาซ้ำรอย​ อย่างค่อนข้างแน่นอน หากมีผู้ถามผมว่า​ มีความเห็นอย่างไรกับปรากฏการณ์​ “ครูกายแก้ว​” ในตอนนี้ ผมก็ตอบตามหลักการ​ ของชาวพุทธ​ว่า​ ผมไม่เชื่อ​ ไว้ก่อน​ ตาม​หลัก​ กาลามสูตร แต่ผมจะติดตามศึกษา​ไปเรื่อยๆ​ เพราะต้องการพิสูจน์​ความจริงให้ได้​ ก่อนตัดสินใจ เพราะเชื่อในภาษิตที่ว่า​ “หนทางพิสูจน์​ม้า​ กาลเวลาพิสูจน์​คน​” แต่ถ้ามีคนถามว่า​ ถึงตอนนี้​ ผมมีแนวโน้ม​ ความเชื่อไปทิศทาง​ไหน​ บ้างหรือยัง ก็ขอตอบตามตรงว่า​ ผมชักจะเอนเอียงไปตามความเห็น​ ของคุณ​ ไพศาล​ พืชมงคล

คุณ​ไพศาล ให้ความเห็นว่า​ “ครูกายแก้ว” ไม่ใช่​ เทพอสูร​ ซึ่งเป็นเทพชั้นสูงถึง​ พรหม แต่ ​”ครูกายแก้ว” เป็นเพียง​ “อสุรกาย” ซึ่งเป็นภพภูมิ​ชั้นต่ำ​ ไม่มีอิทธิฤทธิ์​ในทางฝ่ายดี ที่ผมมีแนวโน้มเชื่อตามความเห็นของคุณ​ไพศาล​ ก็เพราะดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นให้เห็นได้ชัด จากงานพิธีเบิกเนตรและบวงสรวงรูปหล่อ​ “ครูกายแก้ว” ที่หน้าโรงแรม​ เดอะ​ บาซาร์​ รัชดา งานนี้กำหนดเริ่มพิธีเวลา​ 19.00 น.​ แต่พอถึงเวลา​มีทั้งลมทั้งฝน​ พัดกระหน่ำจนบายศรีปลิว ต้องจัดเครื่องสักการะมาใหม่​ และเลื่อนเวลาเริ่มพิธี​ ไปเป็น 20.30 น. ​ต่อหน้าผู้เข้าร่วมงาน ปรากฏการณ์​ที่เกิดขึ้นนี้​ คนไทยสมัยก่อนเรียกว่า​ พิธีล่ม​ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์​มาบอกเหตุ เป็นเรื่องอัปมงคลที่ผู้เข้าร่วมพิธี​ สัมผัสด้วยตนเอง​ ไม่มีใครจัดฉากสร้างขึ้นมาได้

ลองเปรียบเทียบ​กับพิธีบวงสรวง​ “พระสยามพุทธ​าธิราช” ที่ศาลหลักเมืองดูก็ได้ พิธีฯนั้นเริ่มเวลาเช้า​ วันที่​ 24​ กรกฎาคม​ 2566​ เกิดปรากฏการณ์​มงคล​ 3​ อย่าง
1.​ผึ้งมาเกาะที่เครื่องบวงสรวงอย่างมากมาย​ 2.ท้องฟ้าปรากฏ​สายรุ้ง​ งดงาม
3.​เมื่อเสร็จพิธี​ มีละอองน้ำโปรยลงมาชั่วขณะ​ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องมงคลทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากที่สุด​ ในปรากฏ​การณ์​ “ครูกายแก้ว” ครั้งนี้ก็คือ กลุ่มคนไทยที่เชื่อมั่น​ ศรัทธา​ “ครู​กายแก้ว ” ไม่ใช่กลุ่มคนสูงวัย​ หรืออนุรักษ​นิยม แต่กลับเป็น​ กลุ่มคนรุ่นใหม่​ ที่เข้าถึง​ และใช้สื่อโซเชียล​กันมากที่สุด..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Deycha Siripatra