สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่า นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) กล่าวถึงการที่บริษัทไฟฟ้าโตเกียว (เทปโก) ปล่อยน้ำบำบัดออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าระดับนิวไคลด์กัมมันตรังสีของทริเทียมอยู่ในระดับ “ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่คาดการณ์ไว้มาก” บ่งชี้ว่า น้ำที่มีการระบายออกมาจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย


อย่างไรก็ดี ไอเออีเอยืนยัน การสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป จนกว่ากระบวนการปล่อยน้ำทั้งหมดจะเสร็จสิ้น ซึ่งจะใช้เวลานานประมาณ 30 ปี สำหรับน้ำที่มีปริมาณมากกว่า 1.3 ล้านตัน


ทั้งนี้ ไอเออีเอมอบเอกสารรับรองขั้นสุดท้าย ให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ว่าน้ำที่จะมีการบำบัดออกจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ผ่านกระบวนการกรองด้วยเครื่องมือซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เพื่อลดสารอันตรายลงไม่น้อยกว่า 40% ลงสู่ทะเล “เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ” และ “จะมีผลกระทบทางรังสีวิทยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”


ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นยืนกรานว่า กระบวนการยุติการดำเนินงานทั้งหมดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ “ยังต้องใช้เวลานานอีกหลายทศวรรษ” แต่การระบายน้ำ “เป็นหนทางหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเลื่อนไม่ได้อีกแล้ว” อีกทั้ง “เป็นวิธีการซึ่งเป็นไปได้มากที่สุด” ในการระบายน้ำที่เต็มอ่างเก็บ 1,020 แห่ง ซึ่งเต็มความจุเมื่อปี 2565


ขณะที่เทปโกยืนยันการใช้เครื่องกรองน้ำเสียประสิทธิภาพสูง เพื่อคัดแยกสารอันตรายออกจนเกือบหมด คงเหลือเพียง “ทริเทียม” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ต้องเป็นการบริโภค “ปริมาณมหาศาล” จึงจะก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต


นอกจากนี้ เทปโกเปิดเผยผลการวิเคราะห์ของตัวเอง ว่าน้ำในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้ามีระดับกัมมันตภาพรังสีต่ำกว่า 1,500 เบคเคอเรลต่อลิตร อนึ่ง องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของปริมาณกัมมันตรังสีในน้ำดื่มไว้ที่ 10,000 เบคเคอเรลต่อลิตร และปริมาณสารทริเทียมในน้ำไม่ควรเกิน 60,000 เบคเคอเรลต่อลิตร.

เครดิตภาพ : AFP