จึงเป็นที่มารัฐบาล “เพื่อไทย” ต้องเร่งปั่นผลงานโกยแต้มในการบริหารประเทศที่ต้องโชว์ฝีมือ ความสามารถ ลบคำวิพาษ์วิจารณ์ สบประมาทต่างๆ เมื่อการเริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ที่ดูแล้วไม่ค่อยสวยงาม ก็ยิ่งทำให้ต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านฟอร์มจัดจ้านอย่างกองทัพด้อมส้ม พรรคก้าวไกล ที่ “ตัดหาง” ไม่ไว้ไมตรีกันไปแล้ว แต่ปัญหาใหญ่คือแรงเสียดทานนอกสภา ที่มาด้วยเส้นทางคดเคี้ยว “สูตรพิสดาร” ทำแนวร่วมกองหนุนหัวทิ่มหัวตำ ฉะนั้นจึงเป็นโจทย์การบ้านยากของ “เศรษฐา” ที่ต้องกู้ศรัทธาเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนที่ผู้นำรัฐบาลประกาศจะเดินหน้าลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าตั้งแต่การประชุม ครม. นัดแรก ไม่นับการเร่งคิวแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

แน่นอนว่าโฉมหน้า ครม. โดยรวม แม้มีเสียงปรบมือ แต่ก็มีเสียงฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์สนั่น ดังนั้นยิ่งเพิ่มความยากในการกู้กระแสให้กลับมาแดนบวก ซึ่งตัวชี้วัดหนึ่งเดียวที่จะฝ่าฟันมรสุมที่กำลังถาโถมเข้ามาสารพัดทิศทางได้ นั่นคือผลงานเท่านั้น ที่จะต้องรอเวลาพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม สามารถบริหารงาน แก้ไขวิกฤติ พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ประชาชนจับจ้องได้หรือไม่ เพราะเหนืออื่นใดจะต้องทำงานเร็ว ทำงานไว และเห็นผลทันทีด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “นายกฯ นิด” กำลังแบกภาระความคาดหวังจากทั้งประชาชน และพรรคเพื่อไทย จนหนักอึ้งเต็ม 2 บ่า และรู้อยู่เต็มอก เส้นทางการทำงานที่ยากลำบาก จึงพยายามชี้แจงแนวทางการทำงาน บอกเล่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศเร็วๆ นี้ เพื่อสร้างความหวัง หลังประกาศนโยบายแบบจัดหนักจัดเต็ม จึงต้องลงมือทำให้เห็นผลทันที เพราะถือเป็นสิ่งนี้ที่ประชาชนต้องการ จะมาลด แลก แจก แถม แบบลักปิดลักเปิด เสียยี่ห้อเพื่อไทย

สอดคล้องกับผลโพลของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่องรัฐบาลใหม่ ในใจประชาชน โดยประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเร่งด่วน เรื่องปากท้อง และสินค้าแพง รวมถึงปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำด้วย พร้อมทั้งเชื่อมั่นในตัวนายกฯ เศรษฐา เพราะมีความรู้ความสามารถ จะได้เงินก้อน แก้ปัญหาภาระหนี้สินและลดปัญหาค่าของชีพของประชาชนได้ เชื่อว่าจะทำตามที่พูด เพราะเป็นคนประสบความสำเร็จทางธุรกิจมาก่อน จึงเชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาปากท้องได้

ไม่ทันได้เริ่มต้นก็ฝุ่นตลบ ประชานิยมยี่ห้อเพื่อไทย กลายเป็นมีดสองคม และเป็นเรื่องด่วนที่ “นายกฯ ป้ายแดง” ต้องรีบทำ เพราะเป็นเรื่องที่สะท้อนอารมณ์ประชาชนที่คาดหวัง จึงต้องโชว์ฟอร์มกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ “โจทย์เศรษฐกิจ” คืองานท้าทายของผู้นำรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ต้องใช้วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือ ว่าจะบริหารประเทศ ฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค บนสถานการณ์วิกฤติของประเทศหลายด้านไปได้หรือไม่ คงต้องติดตามดูต่อไป.