เมื่อวันที่ 14 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตั้งแต่ปักหมุดนโยบายซอฟต์พาวเวอร์แล้ว ที่เพื่อไทยถูกตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงใช้คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ เราเข้าใจคำนี้จริงหรือไม่ ขั้นแรกอยากอธิบายว่า ซอฟต์พาวเวอร์ ไม่เท่ากับ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่ซอฟต์พาวเวอร์ ครอบคลุมทั้งการพัฒนาคนที่มีทักษะสูง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การเมืองประชาธิปไตย และ การต่างประเทศที่เรียกว่า การทูตเชิงวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy)  ซอฟต์พาวเวอร์จึงไม่ใช่แค่มิติเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือมิติทางการเมืองระหว่างประเทศแต่จะต้องทำงานอีกหลายด้านเพื่อให้เกิดการพัฒนา จนสามารถส่งออกวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ หรือคุณค่าไปสู่นานาประเทศ และกลายเป็นผู้นำในระดับโลกต่อไป  

น.ส.แพทองธาร ระบุว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราจะต้องอาศัยความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อออกแบบนโยบายการส่งออกวัฒนธรรม ทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนในด้านงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ แรงงาน กระทรวงพาณิชย์มาช่วยสนับสนุนเรื่องการค้าการตลาด และอีกหลายกระทรวงที่ต้องเข้ามาร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากอุตสาหกรรมหลายท่านมาช่วยกันชี้เป้าอุปสรรค ปัญหา เพื่อนำไปสู่การปลดล็อก และช่วยกันออกแบบนโยบายสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเติบโต เพื่อขยายตลาดค้าขายสินค้าทางวัฒนธรรมไปสู่ตลาดโลก

น.ส.แพทองธาร ระบุว่า โดยหัวใจของการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ในครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อุตสาหกรรม และศักยภาพของคน สำหรับการพัฒนาศักยภาพของคนเราจะอยู่ในนโยบาย ofos – one family one soft power : นโยบายพัฒนาศักยภาพคน พัฒนาคนให้มีสกิลสร้างสรรค์ ขยับทักษะแรงงานไทยให้มีทักษะแรงงานขั้นสูง ส่วนอุตสาหกรรม เราจะตั้ง THACCA : องค์กรพัฒนาอุตสาหกรรม โมเดลเดียวกับ KOCCA ในเกาหลีใต้ หรือ TAICCA ไต้หวัน ซึ่งตลอดการทำงานช่วงก่อนเลือกตั้ง อิ๊งค์และทีมนโยบาย ได้ไปพบปะ ขอความเห็น และระดมความคิดกันว่าพัฒนาอุตสาหกรรมให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร และพบว่ายังมีโอกาสอีกมากในอุตสาหกรรมสร้างซอฟต์พาวเวอร์บ้านเราค่ะ 

“เพื่อไทยจะเดินหน้า ร่วมทำงานกับภาคเอกชน ขอถือโอกาสนี้ ขอขอบคุณคณะทำงานจากภาคเอกชน ที่จะมาร่วมกันทำงานหลังจากนี้นะคะ ขอฝากตัวกับทุกท่านด้วย เรามาร่วมกันทำงานอย่างหนัก พาประเทศพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูงค่ะ” น.ส.แพทองธาร ระบุ.