เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ดร. นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ โรงเรียนเฉพาะความพิการในประเทศไทย จากจำนวนสถานศึกษา 68 แห่งทั่วประเทศ ที่เข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอกภายใต้สถานการณ์ COVID-19 พบว่า โรงเรียนเฉพาะความพิการ ระดับชั้นอนุบาล มีผลประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 96.24 โดยแบ่งเป็น 3 มาตรฐานประกอบด้วย มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 94 มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 97 และมาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 95 ส่วนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษามีผลประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 97 โดยแบ่งเป็น 3 มาตรฐานประกอบด้วย มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 98.48 มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 98.48 และมาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นไปตามเกณฑ์ ร้อยละ 94
ทั้งนี้ มีโรงเรียนเฉพาะความพิการในประเทศไทย ได้รับการประเมินและมีแบบอย่างเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) หรือมีนวัตกรรม (Innovation) จำนวน 4 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้น ได้แก่ โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นับเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการศึกษาโรงเรียนเฉพาะความพิการ ต้นแบบของโรงเรียนที่นำดิจิทัลและนวัตกรรมมาส่งเสริมการเรียนรู้ ผ่านวิชาวิทยาการคำนวณและหลักสูตรการเรียนการสอนที่ยกระดับและพัฒนาทักษะด้านอาชีพให้กับนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลความสำเร็จของโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ผู้ประเมินภายนอกของ สมศ. ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้สถานศึกษารักษาคุณภาพของสถานศึกษาและพัฒนาให้สูงขึ้น ด้วยการพัฒนารูปแบบวิธีการปฏิบัติงานที่ทำให้สถานศึกษาประสบความสำเร็จ เป็นเลิศ ตามเป้าหมายที่ได้ปฏิบัติจริง ให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับโดยทั่วกัน ควบคู่ไปกับการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียน โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน และหลักการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยใช้ความเข้มแข็งจากเครือข่ายที่มีอยู่ สร้างรูปแบบการบริหารและการจัดการแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเป็นแบบอย่างที่ดี (Best Practice) แก่สถานศึกษาอื่นๆ ของประเทศต่อไป
“นอกจากการประเมินภายนอกให้กับสถานศึกษาแล้ว สมศ. มีแนวทางในการส่งเสริมและกระตุ้นให้สถานศึกษานำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ โดยการให้ข้อเสนอแนะที่มีความเป็นไปได้และสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาเพื่อให้สถานศึกษานำไปปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพ รวมทั้งยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษามีการนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้อีกด้วย โดย สมศ. ได้เข้าประเมินสถานศึกษาทุกประเภท เพื่อช่วยส่งเสริมและแนะนำสถานศึกษาโดยมีจุดมุ่งหมายในการช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ในการสร้างคุณภาพผู้เรียนและพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานในทุกมิติ ทั้งผู้เรียน ครูผู้สอน สถานศึกษา เพื่อให้ระบบการศึกษาไทยมีความเป็นสากล” ดร.นันทา กล่าว