นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน มุ่งปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการปกป้องผู้บริโภค และเกษตรกร พร้อมกับสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำไปปฏิบัติทำทันทีให้เห็นผลภายใน 100 วัน เพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงการเข้มงวดการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พร้อมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ต่อมาได้รับรายงานจากนายเสกสรรค์ วรรณกรี ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ว่าได้นำสารวัตรเกษตรไซเบอร์ บุกจับวัตถุอันตรายผิดกฎหมาย โดยการจับกุมดังกล่าว เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เจ้าหน้าที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
จากการปฏิบัติการลงพื้นที่ปราบปรามร้านค้าจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พบมีการจำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมาย จำนวน 3 รายการ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์สารกำจัดวัชพืช ชื่อทางการค้า พาราควอต ถูกแบ่งบรรจุในภาชนะแกลลอนพลาสติกสีขาวขุ่น ปิดทับด้วยฉลากสีน้ำเงินปริมาณสุทธิตามฉลาก 5 ลิตร จำนวน 3 แกลลอน ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตราย ฉลากภาษาอังกฤษ POWER TWO 2 insecticide ถูกแบ่งบรรจุในซองพลาสติกสีเขียว ระบุขนาดบรรจุบนฉลาก 100 กรัม จำนวน 124 ซอง ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตราย ไม่มีข้อความบนฉลาก ถูกแบ่งบรรจุใน ซองตะกั่วสีเงิน ขนาด 100 กรัม จำนวน 9 ซอง ทั้งสองรายการเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ วัตถุอันตรายฯ
เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร ได้เก็บตัวอย่าง รายการสิ่งของที่ตรวจยึด เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิชาการเกษตร และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดตัวอย่าง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยเบื้องต้นพบประเด็นความผิดมีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ไม่มีทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ