น.ส.แพร ดํารงค์มงคลกุล  ผู้อำนวยการ ของ เฟซบุ๊ก ประเทศไทย เปิดเผยว่า เฟซบุ๊ก ได้ร่วมกับ เบน แอนด์ คอมพานี ศึกษาเกี่ยวกับ เศรษฐกิจดิจิทัลและอนาคตของอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้นำด้านการเติบโตของส่วนแบ่งธุรกิจค้าปลีกดิจิทัล ซึ่งเติบโตขึ้น 85% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แซงหน้าประเทศจีนที่เติบโต 5% บราซิล 14%  และอินเดีย 10% โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีผู้บริโภคดิจิทัล 350 ล้านคน และจำนวน 73 % ของผู้บริโภคในประเทศไทยจะกลายเป็นผู้บริโภคดิจิทัลภายในสิ้นปี 64 นอกจากนี้ อัตราการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลต่อคนได้เติบโตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยอดขายอี-คอมเมิร์ซโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 69

สำหรับผู้บริโภคไทยจำนวน 64% ในปีนี้ได้ลองซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และซื้อสินค้าออนไลน์ในหมวดหมู่ที่หลากหลายมากขึ้น หรือเฉลี่ย 8.3 หมวดหมู่สินค้า เติบโตขึ้น 50% จากอัตราเฉลี่ยที่ 5.4 หมวดหมู่สินค้าในปี 63 และคนไทยใช้เวลาค้นหา สินค้าจาก 8.6 เว็บไซต์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้น 60% จากค่าเฉลี่ยที่ 5.5 เว็บไซต์ในปี 63

“เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์การของโควิด-19 ยังคงผลักดันให้ผู้คนหันไปสู่ช่องทางออนไลน์ ในอัตราที่สูงในแบบที่ ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ผู้บริโภคในประเทศไทยมีการสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ ในเรื่องของการค้นพบ สินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การพิจารณา และการซื้อ สำหรับแบรนด์ต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นใหม่และแบรนด์ที่อยู่มายาวนาน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ส่งสัญญาณให้เห็นถึงความจำเป็นในการพิจารณาการปรับปรุงพัฒนาประสบการณ์อี-คอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม  และมองหาวิธีการที่สร้างสรรค์ ใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ให้ได้”

น.ส.แพร กล่าวต่อว่า พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคนี้จะยังเป็นเทรนด์ที่คงอยู่ แม้ธุรกิจและร้านค้าต่างๆ จะสามารถกลับมาเปิดได้แล้วในอนาคต เป็นผลจากการที่คนยังคงพึ่งพาช่องทางดิจิทัลในการเชื่อมต่อกับแบรนด์ สิ่งเหล่านี้ก็แสดง ให้เห็นว่าแบรนด์ต่างๆ ควรพิจารณาถึงกลยุทธ์ด้านดิจิทัลอย่างยั่งยืน และให้ผลระยะยาวเพื่อทำให้กลุ่มลูกค้า ที่เป็นเป้าหมายรู้สึกเข้าถึงได้และมีส่วนร่วมอยู่เสมอ.