สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ว่า หมู่เกาะแฟโรเป็นดินแดนปกครองตนเอง ภายใต้อธิปไตยเดนมาร์ก อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนบน ประมาณกึ่งกลางระหว่างไอซ์แลนด์กับนอร์เวย์ มีประชากรในเดือน มิ.ย. 2564 จำนวน 53,358 คน

แถลงการณ์ของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทะเล Sea Shepherd Conservation Society แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า โลมาคาดขาว (white-sided dolphin) แอตแลนติก กว่า 1,428 ตัว ถูกไล่ต้อนเข้าสู่เวิ่งอ่าวชายฝั่ง โดยเรือหลายสิบลำ ก่อนจะฆ่าหมู่ที่ชายหาด เมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.ย.) ที่ผ่านมา

คลิปวิดีโอที่กลุ่มซี เชเพิร์ด นำออกเผยแพร่ แสดงให้เห็น ประเพณีการล่าที่ “โหดเหี้ยม” ประชาชนใช้มีดฟันและชำแหละโลมา น้ำทะเลริดหาดกลายเป็นสีแดงข้น

ทางการหมู่เกาะแฟโร กล่าวว่า ประเพณีการล่าประจำปี ซึ่งเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า Grindadrap มีมานานราว 400 ปีแล้ว เป็นหนึ่งในวิธีการกระตุ้นจำนวนประชากรโลมา หรือวาฬ ที่อาศัยอยู่ในทะเลนอกชายฝั่ง แต่นายกรัฐมนตรีบาร์ดูร์ สเตจ นีลเซ่น ของหมู่เกาะแฟโร กล่าวว่า รัฐบาลจะทบทวนกฎระเบียบการล่าตามฤดูกาล หลังเกิดกระแสต่อต้านจากหลายองค์กรอนุรักษ์ระหว่างประเทศ

นายนีลเซ่น กล่าวว่า ตามปกติหมู่เกาะแฟโรจะล่าโลมาในแต่ละปีประมาณ 250 ตัว และวาฬประมาณ 600 ตัว แต่ปีนี้โลมาถูกล่า “มากเป็นพิเศษ” เนื่องจากจำนวนประชากรของพวกมันเพิ่มขยายจำนวนมาก

การล่าโลมาปีนี้ ชาวหมู่เกาะแฟโรประมาณ 4 – 5,000 คน ได้รับแจกเนื้อโลมาฟรี เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหาร นายโฮกี ฮอยดัล ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน รีพับลิกัน และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงประมง ซึ่งครอบครัวได้รับส่วนแบ่งเนื้อโลมาประมาณ 50 กิโลกรัม เมื่อวันจันทร์ กล่าวว่า ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบ ต่อแนวโน้มจำนวนประชากรของพวกมัน การล่าโลมาและวาฬของหมู่เกาะแฟโร น่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ อย่างยั่งยืนที่สุด เท่าที่เห็นในโลกยุคปัจจุบัน.

เครดิตภาพ – Rex Features,Faroe Islands, Sky News

เครดิตคลิป – On Demand News