เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. ในฐานะคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณสมาชิก พรรคก้าวไกล แถลงภาพรวม การสอบข้อเท็จจริง กรณีบุคลากรในพรรคตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในประเด็นคุกคามทางเพศหลายกรณี 

โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า ยอมรับพรรคกำลังมีปัญหาเรื่องการคุกคาม ความรุนแรงทางเพศ ต้องยอมรับ เผชิญหน้ากับปัญหา หาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ไม่สร้างวัฒนธรรมปกปิด ปกป้องคนในองค์กร ขอแถลง 3 ส่วน คือส่วนที่ 1 บทสรุปข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ได้ข้อสรุปจากบทลงโทษ มีมติจาก กก.บห. ไปแล้ว 2 กรณี คือ กรณี นายสิริน สงวนสิน สส.กทม.พรรคก้าวไกล ใช้ความรุนเเรง กก.บห. ค้นพบว่านายสิริน ทะเลาะวิวาท กระทำความรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย มีการทำลายทรัพย์สิน ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมต่อผู้เสียหาย เป็นการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง มีมติให้ลงโทษ  2 ประการ คือ ตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค ไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่ง คาดโทษไว้หากทำผิดวินัยร้ายแรงอีก จะขับออกจากสมาชิกภาพ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า 2.กรณี นายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ (โฆษกหญิงของพรรคการเมืองหนึ่ง) กก.บห.พรรค ค้นพบว่า ได้ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายจริง ละเมิดหลักเรื่องความยินยอม และสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้เสียหายอย่างชัดเจน ขัดต่ออุดมการณ์ ผิดวินัยพรรคร้ายแรง มีมติให้ขับนายเกรียงไกร ออกจากสมาชิกภาพทันที พรรคต้องขอโทษผู้เสียหายทั้ง 2 ท่าน แม้คำขอโทษจะไม่เพียงพอต่อการย้อนคืนความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นต่อทั้งร่างกาย และสภาพจิตใจ

นายพริษฐ์ แถลงว่า ส่วนที่ 2 ข้อกล่าวหาที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน มี 2 กรณี 1 .เรื่องนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศ พรรคยืนยัน เราต้องการให้ข้อกล่าวหานี้มีข้อยุติโดยเร็วที่สุด ณ เวลานี้ มีข้อเท็จจริงเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการวินัยฯ สอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมทุกฝ่ายให้ครบถ้วน เพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด ทั้งข้อสรุปว่าเป็นความผิดหรือไม่ และหากผิด จะผิดร้ายแรงระดับไหน กระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยจะได้ข้อสรุปภายใน ต.ค. นี้ จะสื่อสารผลสรุปต่อสาธารณะทันทีอย่างเปิดเผย กรณีที่ 2 (ซึ่งไม่ปรากฏในสื่อสาธารณะ) ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดย สส. อีก 1 คน

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า พรรคทราบข้อมูลว่า ได้เกิดเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศ แม้ว่าพรรคยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากบุคคล ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ทว่าตั้งแต่ทราบเรื่อง คณะกรรมการวินัยฯ เร่งติดต่อบุคคลดังกล่าว ตอนนี้รอความพร้อมการให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ 2 กรณีนี้ หากได้ข้อสรุปว่าเป็นความผิด พรรคจะไม่อดทนต่อการกระทำผิดทางเพศ การใช้อำนาจโดยมิชอบ การคอร์รัปชั่น และการฉ้อฉล จะลงโทษโดยไม่สนต่อผลกระทบทางการเมืองที่ตามมา  

นายพริษฐ์ แถลงว่า ส่วนที่ 3.แนวทางการปรับปรุงป้องกันไม่ให้เกิดการคุกคามทางเพศในอนาคต ขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราปรับปรุงตนเองในการป้องกันและรับมือปัญหาการคุกคามทางเพศ ผ่านมาตรการต่อไปนี้ 1.ปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมการวินัยฯ ให้มีสัดส่วนของผู้เชี่ยวชาญภายนอก ที่ไม่ได้เป็น สส.พรรค และไม่ใช่เพศชาย เพิ่มขึ้น 2.ปรับปรุงกระบวนการสอบสวนป้องกันไม่ให้เกิดความล่าช้า เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย 3.เพิ่มความเข้มข้นการอบรมบุคลากรพรรค เรื่องการเคารพความเสมอภาคทางเพศและสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ขยายทั้งจำนวนผู้เข้าร่วมให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน เพิ่มความถี่ เพิ่มรูปแบบการอบรม เพิ่มความละเอียดเนื้อหา และหลักสูตรที่จำเป็นต่อการสร้างความเข้าใจที่ผ่านคำปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญภายนอก ปรับปรุงกระบวนการคัดกรองบุคลากรให้คำนึงถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าวมากขึ้น และไม่น้อยไปกว่าความสามารถในการทำงาน

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะยังไม่สิ้นสุดแต่เบื้องต้นทั้ง 2 ฝ่ายว่าอย่างไรบ้าง น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า จากที่มีการเปิดเผยแชตบางส่วนในโซเชียลมีเดีย แต่หลักฐานที่คณะกรรมการวินัยได้มามี 200 กว่าแผ่น ตอนแรกเข้าใจว่ามีแค่นั้น แต่จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่ามีพยานหลักฐานอื่นอีก กระบวนการหลังจากนี้ เราต้องการข้อความในส่วนที่หายไปเพื่อมาประกอบกัน แล้วดูว่าเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่ หรือมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่สามารถตัดสินได้หากยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เพียงแต่ตอนนี้อยากมายอมรับกับสังคมว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง และตั้งใจที่จะมีคณะกรรมการวินัยในสัดส่วนของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาจัดการกับปัญหาเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่นายวุฒิพงศ์ ออกมาโพสต์คลิปชี้แจง อ้างว่าเป็นการดิสเครดิตด้วย น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า เรื่องนี้เข้ามากลางเดือน ก.ค. ในช่วงแรกเหมือนจะเป็นการดิสเครดิต ก่อนจะมีเรื่องการคุกคามทางเพศเข้ามาด้วย จึงดูเหมือนมีการโยงหลายเรื่องรวมกัน ทำให้การพิจารณายากขึ้นไปอีก จึงต้องแยกส่วนกัน ทั้งเรื่องคุกคามทางเพศและทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการวินัยที่ตั้งมาเฉพาะกิจ จะพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศเป็นหลัก ทั้งเรื่อง Consent และ Power Dynamics ที่จะต้องเอามาพิจารณาในการตัดสินหรือกำหนดบทลงโทษทางวินัยกับผู้กระทำความผิด

เมื่อถามว่าจะดิสเครดิตได้อย่างไร ในเมื่อผู้เสียหายทำงานกับพรรค นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ไม่ใช่แค่ต้องการข้อสรุปว่าผิดหรือไม่ผิด หากผิดจะร้ายแรงขนาดไหน เพื่อให้การลงโทษเป็นไปตามสัดส่วนของความผิด ส่วนข้อมูลที่นายวุฒิพงศ์แถลง ต้องย้ำว่าเป็นชุดคำอธิบายของนายวุฒิพงศ์ ที่ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าจริงหรือไม่

ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่นายวุฒิพงศ์กล่าวอ้าง ในกระบวนการสอบสวนก็ให้เวลาในการหาพยานมารองรับ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องการคุกคามทางเพศ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นแชตแบบไหน ก็ต้องเวลากับคณะกรรมการทั้งหมดที่จะต้องพิสูจน์พยานหลักฐานด้วย 

เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาตรวจสอบกันเอง จะทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าจะเกิดความโปร่งใส นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องแยก 2 ประการ ประการแรก แม้จะเป็นกระบวนการสอบสวนภายใน เราก็ต้องทำเต็มที่ เพื่อให้กระบวนการดังกล่าวนำไปสู่ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย ซึ่งตนคิดว่าการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกจะทำให้มีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบมากขึ้น ประการที่ 2 แม้มีกระบวนการภายใน แต่เราก็ต้องเปิดต่อกระบวนการสอบสวนภายนอกเช่นกัน หากมีกระบวนการภายนอก เราก็พร้อมร่วมมือ การดำเนินการภายในไม่ได้มาแทนที่กระบวนการภายนอกที่สามารถเกิดขึ้นได้ เรายินดีให้ความร่วมมือ 

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลตอบสนองค่อนข้างเร็วในการตรวจสอบพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นเรื่องภายในพรรคกลับล่าช้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนน้อมรับคำวิจารณ์ และเราเห็นด้วยกับหลักการว่าเวลาเราเรียกร้องมาตรฐานที่ดีขึ้นจากสังคม ก็ต้องเรียกร้องมาตรฐานนั้นกับตนเองด้วย อย่างที่ตนบอกว่าแต่ละกรณีมีระยะเวลาในการดำเนินการแตกต่างกัน รวมถึงการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติล่าช้า เราจึงทำเต็มที่ให้ได้ข้อยุติเร็วที่สุด ตอนนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่กรรมการบริหารพรรคยืนยันว่าจะให้มีข้อสรุปได้ภายในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกนำมาพิจารณาประกอบการปรับปรุงกระบวนการในอนาคต

นายพริษฐ์ กล่าวย้ำว่า โดยปกติเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยคณะกรรมการวินัย ก่อนจะส่งความเห็นให้คณะกรรมการบริหารตัดสินใจ แต่จะมีบางกรณีไม่ได้มีการยื่นเรื่องโดยผู้เสียหายโดยตรง แต่เมื่อทราบเหตุจากบุคคลอื่น พรรคก็ติดต่อผู้ที่อาจจะเป็นผู้เสียหายทันที เพื่อให้ความเป็นธรรมกับบุคคลดังกล่าว เป็นการทำงานเชิงรุกด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ

เมื่อถามว่าพรรคชูเรื่องความเท่าเทียมมาตลอด แต่กลับมีประเด็นนี้ น.ส.ศศินันท์ ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนใจของ สส. หญิงของพรรค เพราะเรายืนยันเรื่องนี้มาโดยตลอด เราอภิปรายเรื่องความรุนแรงในครอบครัว เรื่องเด็ก สตรี 

“เป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ที่เราต้องตอบสังคมให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้รับคำแนะนำ เมื่อก่อนกรรมการวินัยมีสัดส่วนผู้หญิงน้อยมาก ก็ได้เพิ่มสัดส่วนผู้หญิงขึ้นมา ซึ่งดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น กรณีแรกเป็นเรื่องที่ชัยภูมิ” น.ส.ศศินันท์ กล่าว