กรมการขนส่งทางราง (ขร.) แจ้งว่า นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ อธิบดี ขร. เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเชื่อมต่อและการขนส่งข้ามแดนทางรถไฟช่วงหนองคาย – เวียงจันทน์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อเสนอในการเชื่อมต่อการเดินทาง และการขนส่งสินค้าข้ามแดน ผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย – เวียงจันทน์ และนำไปสู่การพิจารณากำหนดท่าทีฝ่ายไทยในการเชื่อมต่อและการขนส่งข้ามแดนทางรถไฟช่วงหนองคาย – เวียงจันทน์ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน

ฝ่ายประชาสัมพันธ์แจ้งต่อว่า ที่ประชุมมอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาจัดขบวนรถรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ และรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นที่สถานีท่านาแล้งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางของประเทศไทย โดยประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) กำหนดเปิดให้บริการปี 69 สำหรับเฟสที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กม. ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียด มีกำหนดเปิดให้บริการปี 71 อยู่ระหว่างเตรียมหารือร่วมกันสามฝ่าย เพื่อเตรียมการเดินรถเชื่อมต่อไทย-ลาว-จีน ต่อไป

สำหรับโครงการรถไฟจีน-ลาว เตรียมเปิดดำเนินการในวันชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วันที่ 2 ธ.ค.64 โดยเส้นทางรถไฟลาว-จีน มีระยะทางประมาณ 420 กม. มี 31 สถานี เริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน เชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็น สปป. ลาว และมีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ซึ่งอยู่ใกล้กับจังหวัดหนองคาย อย่างไรก็ตามประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมในการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ไว้ 2 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 พัฒนาสถานีหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง โดยให้เอกชนเช่าบริหารจัดการพื้นที่ 4 แปลง อีก 1 แปลงเป็นพื้นที่ส่วนกลาง

ส่วนเฟสที่ 2 ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ อยู่ห่างจากสะพานเดิมประมาณ 30 เมตร โดยเป็นสะพานรถไฟที่มีทั้งทางขนาด 1 เมตร และ 1.435 เมตร โครงสร้างสะพานจะเป็นรูปแบบสะพานคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องก่อสร้างโดยวิธีคานยื่นสมดุล นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับศูนย์ย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) สามารถรองรับการแลกเปลี่ยนสินค้าจากรถไฟที่เข้ามาจากจีนและลาว และส่งออกไปยังลาวและจีน โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ด้านหลังของลานขนถ่ายสินค้า สำหรับกองเก็บตู้สินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงอาคารสำนักงาน, คลังสินค้า และอาคารประกอบอื่นๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงศูนย์เอ๊กซเรย์ตู้สินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการแบบ One-Stop Service

ฝ่ายประชาสัมพันธ์แจ้งอีกว่า สำหรับประโยชน์ของเส้นทางรถไฟเชื่อมจีน – ลาวมายังชายแดนหนองคายนั้น จะทำให้การค้าไทยสามารถส่งออกสินค้าไปลาวและจีนได้เพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าอุปโภค บริโภค และโดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางการเกษตรไปยังประเทศจีนนั้นใช้เวลานาน โดยเฉพาะผลไม้ไทยเป็นผลไม้เมืองร้อน มีอายุการเก็บรักษาสั้น การขนส่งที่ใช้เวลานานจะทำให้เกิดการเน่าเสียของสินค้า ดังนั้นการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟลาว – จีน จึงเป็นผลดีต่อสินค้าเกษตร ให้สามารถกระจายไปยังมณฑลต่างๆ ของจีนได้อย่างทั่วถึงในระยะอันสั้น

ขณะที่ด้านการบริการและการท่องเที่ยว คาดว่านักท่องเที่ยวจีน และลาวจะมาเที่ยวไทยได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจบริการ อาทิ กลุ่มบริการสุขภาพ เช่น โรงพยาบาล นวดแผนไทย เนื่องจากความเชื่อมั่นในคุณภาพ และมาตรฐานสาธารณสุขของไทย รวมถึง กลุ่มร้านอาหาร และโรงแรม เนื่องจากราคาสินค้าและบริการถูก รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มของไทยเป็นที่นิยมของทั้งชาวจีนและลาว ที่จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการค้าขายผ่านแนวเส้นทางดังกล่าว.