เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่สำนักงานสถานีโทรทัศน์ยูดีดี นิวส์ (UDD NEWS) จ.นนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงรายละเอียดกิจกรรม “CarMob 19 กันยา ขับรถยนต์ชนรถถัง”สรุปว่านัดรวมตัวที่แยกอโศกมนตรี เวลา 14.00 น. ก่อนที่เวลา 15.00 น. เคลื่อนตัวมุ่งหน้าพระราม 4 เลี้ยวขวาแยกคลองเตย ไปสะพานกรุงเทพ จุดหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คลุมถุงดำ ซึ่งท้ายขบวนอาจยาวถึงรัชดาภิเษก แต่คาดว่ากิจกรรมจะยุติได้ราว 18.00 น. และแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีความรุนแรง เน้นหลีกเลี่ยงพื้นที่เปราะบางไม่ให้เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่หรือสถานที่ราชการนอกจากการแสดงพลังต่อต้านอำนาจเผด็จการ สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมจะมีสติกเกอร์ “#ไล่ประยุทธ์” ติดตามรถต่างๆ มีทั้งรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะรถแท็กซี่ เพื่อรำลึกถึง “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” ที่ขับรถแท็กซี่ชนรถถังเมื่อครั้งรัฐประหารในปี 2549 ทำให้ลุงนวมทองถือเป็นบุคคลที่ริเริ่มคาร์ม็อบ
“กิจกรรมคาร์ม็อบไม่ใช่การแสดงพลังต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น แต่เป็นการแสดงให้ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอด 15 ปีทั้งผู้ที่ต้องลี้ภัยหรือถูกอุ้มหายได้ทราบว่ายังมีพลังฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อสู้อยู่ แม้ยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคอันตราย โดยจะมีการจัดเวทีออนไลน์เช่นเดียวกับคาร์ม็อบ 2 ครั้งที่ผ่านมาโดย เชิญวิทยากรร่วมสนทนาอีกหลายคน ทั้ง นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิชาการ นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ และนักวิชาการอีกหลายคน รวมถึงเยาวชนหนุ่มสาว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมา ตนจะมีคดีความแต่พร้อมต่อสู้ตามขั้นตอนกฎหมายไม่หลบหนี ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างรอบคอบ ไม่ใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง พร้อมยอมรับห่วงสถานการณ์การชุมนุมที่แยกดินแดง เพราะกังวลอาจมีสัญญาณบางอย่างจากรัฐ ซึ่งความรุนแรงนั้นไม่อาจทำให้สังคมไทยออกจากความขัดแย้ง นอกจากนี้วันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ครบรอบ 1 เดือน ที่วัยรุ่นอายุ 15 ปี ถูกกระสุนจริงยิงจนโคม่าบริเวณแยกดินแดง แต่จากการสอบถาม เรื่องคดีไม่คืบหน้า ฝ่ายครอบครัวได้รับแจ้งเพียงกำลังดำเนินการ ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ สน.ดินแดง ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับคนในโรงพักหรือไม่ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่และขอเรียกร้องผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าไปดูแลโอนคดีไปให้กองบังคับการปราบปรามรับดำเนินการ.