เมื่อวันที่ 17 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อกซ์ (Factory Sandbox) ณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด (แหลมฉบัง) ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีโดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คุณชกกิ โมะริคาซุ ประธานกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และคณะ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหารบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง มาต้อนรับด้วย

จากนั้น นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินโครงการ ภาพรวมโครงการ Factory Sandbox ของบริษัท จากนายกิตติ จากนั้น ผู้แทนนักลงทุนชาวญี่ปุ่น (Mr. Ogawa Eiji) กล่าวขอบคุณและนําเสนอประเด็นแนวโน้มการลงทุนและการส่งออก ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันคือการเดินหน้า ในการประกอบการและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทุกคนต้องช่วยกันพลิกโฉมประเทศไทย ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นด้วย ซึ่งได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว ซึ่งยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทยต่อไปในวิธีการต่างๆ ขอขอบคุณรอยยิ้มจากทุกๆคน โดยเฉพาะบรรดาลูกจ้าง พนักงาน ซึ่งแสดงว่าเจ้านายดูแลดีถึงสามารถยิ้มได้กันทั้งหมด ถือเป็นตัวอย่างที่ทำให้สถานประกอบการอื่นๆ เราทุกคนต้องรวมพลังกันจับมือกันให้มั่นเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ รัฐบาลพร้อมที่จะแก้ไขให้มากที่สุด เราต้องช่วยกันพลิกโฉมประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโครงการ Factory Sandbox โดยนายกรัฐมนตรี​ ได้พูดคุย​กับพนักงาน​ โดยระบุว่า ขอทุกคนระวังโรค​ ร่างกายสำคัญที่สุด​ ต้องดูแลตัวเอง​ ออกกำลังกาย​ ไม่ไปในที่มีความเสี่ยง​ มีอันตราย​ ซึ่งการป้องกันดีกว่ารักษา​ ตนไม่อยากให้ใครต้องเข้าโรงพยาบาล​ ให้สอนลูกให้ออกกำลังกาย​ โหนต้นไม้​ ตัวจะได้ยาวๆ​ แข็งแรง พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี​ ยังได้มีการเดินทักทายพนักงาน พร้อมได้สอบถามว่าอยู่จังหวัดไหน​ ซึ่งนายกรัฐมนตรี​ บอกว่า​ ตัวเองเกิดที่โคราช​ และมารับราชการที่กรุงเทพ​ฯ​ จากนั้น​ ได้ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานสำคัญที่ร่วมขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้ฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนในสถานประกอบการ การเยียวยาผู้ประกันที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ทั้งมาตรา 33, มาตรา 39 และมาตรา 40 การดูแลแคมป์คนงาน จึงขอเน้นย้ำการทำงานในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) โครงการ “Factory Sandbox” ให้เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการดำเนินการ Bubble and Seal ให้มีการดูแลอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันผู้ประกันตนปลอดภัยจากโรคโควิด-19 2) การฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตน ให้ดูแลและจัดระบบการให้บริการอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 3) การเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้จัดระบบการให้บริการจ่ายเงินเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ และกลุ่มมาตรา 40 ที่ต้องตรวจสอบสิทธิการเยียวยาให้ประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงเพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความช่วยเหลือสามารถดำรงชีพในสถานการณ์การแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในปัจจุบัน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการ Factory Sandbox โดยใช้แนวคิดในการจัดการโครงสร้างและกระบวนการในลักษณะ “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่แรงงานและสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากภาคการผลิตแก่นักลงทุนในสถานประกอบการภาคการผลิต ส่งออกขนาดใหญ่ในพื้นที่ 7 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดชลบุรี นนทบุรี สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งในภาคการผลิตส่งออก คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 700,000 ล้านบาท สามารถป้องกันการแพร่ระบาดในคลัสเตอร์โรงงาน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งสามารถรักษาระดับการจ้างงานในภาคการผลิตและส่งออกสำคัญได้กว่า 3 ล้านตำแหน่ง

โดยระยะแรก มีเป้าหมายดำเนินการใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และชลบุรี ในสถานประกอบการภาคการผลิต/ส่งออก ที่มีผู้ประกันตน 500 คน ขึ้นไปจำนวน 387 แห่ง ผู้ประกันตน 474,109 คน ดำเนินการภายใต้สโลแกน “ตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล” เริ่ม Kick off พร้อมกัน 4 จังหวัด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 1) ตรวจ คือ การตรวจคัดกรองด้วย RT-PCR 100% เพื่อแยกคนป่วยไปรักษาทันทีและดำเนินการตรวจ Self-ATK ทุกสัปดาห์ 2) รักษา คือ จัดให้มี FAI (Factory  Accommodation I solation) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของพนักงาน, Hospitel โรงพยาบาลสนาม ICU สำหรับผู้ป่วยเขียว เหลือง และแดง 3) ควบคุม คือ ดำเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal สำหรับการป้องกันและควบคุม และ DMHTT (Distancing, Mask Wearing, Hand Washing, Testing, Thai Cha na) และ 4) ดูแล คือ ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แรงงาน โดยเน้นกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง หญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งออกใบรับรอง “โรงงานสีฟ้า” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน

ทั้งนี้ ผลการดำเนินโครงการ “Factory Sandbox” ระยะที่ 1 ณ วันที่ 16 กันยายน 2564 ปรากฏว่า ได้ตรวจคัดกรองโควิดในสถานประกอบการแล้ว 50 แห่ง ผู้ประกันตน จำนวน 95,240 คน (คิดเป็นร้อยละ 38.10 จากเป้าหมาย 250,000 คน) ฉีดวัคซีนในสถานประกอบการแล้ว 36 แห่ง ผู้ประกันตน จำนวน 40,465 คน (คิดเป็นร้อยละ 40.47 จากเป้าหมาย 100,000 คน) สำหรับจังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องของโครงการดังกล่าวมีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวน 17 แห่ง มีผู้ประกันตนรวมจำนวน 28,149 คน มีสถานประกอบการที่ตรวจคัดกรองแล้ว 15 แห่ง ผู้ประกันตนรวมจำนวน 17,934 คน ครบถ้วนทุกคน พบผู้ติดเชื้อจำนวน 239 คน ซึ่งได้ส่งเข้ารับการรักษาตามมาตรการของสาธารณสุขเป็นที่เรียบร้อย