ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานสภาเกษตรกร จ.สมุทรสงคราม นายสมฤทธิ์ วงษ์สวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกร จ.สมุทรสงคราม ได้ประชุมสมาชิกสภาเกษตรกรฯ โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นางอุไรวรรณ คันธมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดสมุทรสงคราม ได้มาให้ความรู้ว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส. มีมาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล สำหรับลูกค้าที่มีเงินต้นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 ไม่เกิน 300,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 ถึง 30 ก.ย. 69 โดยพักทั้งเงินและดอกเบี้ย ลูกหนี้ที่สนใจแสดงความประสงค์และตรวจสอบสิทธิโดยกรอกเลขบัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือขอรับการแนะนำได้ที่ ธนาคาร ธ.ก.ส.ทุกสาขาภายในวันที่ 31 ม.ค. 67 หลังจากลงทะเบียนแล้วธนาคารจะตรวจสอบสิทธิ แจ้งผลให้กับลูกค้า และโทรศัพท์นัดหมายลูกค้าต่อไป

นางอุไรวรรณ ฝากเตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพที่หลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เช่นอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปติดต่ออำนวยความสะดวกหรือหลอกให้กดลิงก์ต่างๆ แบบอัตโนมัติ จึงขอให้ลูกค้าศึกษาข้อมูลการดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้บนระบบ iOS และ Android ผ่านทาง App store และ Play store เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายส่งลิงกืให้กรอกข้อมูลหรือโทรศัพท์ไปขอเอกสารใดๆ หรือรับทำธุรกรรมให้ลูกค้าทางออนไลน์ หากได้รับการติดต่อกรณีดังกล่าวอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ส่วนเรื่องการทำธุรกรรมนั้น ทาง ธ.ก.ส. มีระบบสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนป้องกันมิจฉาชีพ แต่หากประชาชนต้องการข้อมูลเนื่องจากไม่รู้ว่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกลวงหรือไม่ ให้สอบถามได้ที่ Call Center 0-2555-0555

จากนั้นนายชัยยันต์ เจียมศิริ สมาชิกสภาเกษตรกร จ.สมุทรสงคราม ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร ได้นำปัญหาการร้องเรียนจากกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรไม้ผล จ.สมุทรสงคราม เรื่องมะพร้าวราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซาก โดยมะพร้าวใหญ่ หรือมะพร้าวแกง ราคาอยู่ที่ลูกละ 7-9 บาท และมะพร้าวอ่อน หรือมะพร้าวน้ำหอม ราคาลูกละ 5-10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่คุ้มทุน เพราะราคามะพร้าวใหญ่ที่ชาวสวนบอกว่า พออยู่ได้คือลูกละไม่ต่ำกว่า 15 บาท ส่วนมะพร้าวอ่อนไม่ต่ำกว่าลูกละ 10 บาท

นายชัยยันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังส่งผลให้เกษตรกรบางรายตัดโค่นต้นมะพร้าวใหญ่ทิ้งแล้วหันไปปลูกส้มโอแทน เพราะให้ผลผลิตและราคาที่ดีกว่า และหากมีการตัดโค่นต้นมะพร้าวใหญ่ทิ้งมากขึ้น ก็จะกระทบต่อการทำน้ำตาลมะพร้าวที่ปัจจุบันก็เริ่มลดลงแล้ว จึงเกรงว่าในอนาคตอีกไม่เกิน 10 ปี อาชีพทำน้ำตาลมะพร้าวใน จ.สมุทรสงคราม อาจจะสูญหายไปเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ขาดแรงงานคนหนุ่มสาว ที่ส่วนใหญ่ไม่สานต่ออาชีพบรรพบุรุษแต่เลือกไปทำงานอื่น เนื่องจากมองว่าอาชีพทำน้ำตาลมะพร้าวเป็นงานหนัก และราคาน้ำตาลมะพร้าวยังถูกไม่เป็นแรงจูงใจให้ทำ อีกทั้งการปีนป่ายขึ้นต้นมะพร้าวที่สูงเพื่อเก็บน้ำตาลมะพร้าวอาจจะพลัดตกลงมา ได้รับอันตราย เป็นต้น จึงควรที่หน่วยงานภาครัฐ จะมีการส่งเสริมเกษตรกรให้มีการทยอยปลูกมะพร้าวพันธุ์ต้นเตี้ย ซึ่งให้น้ำตาลที่มากกว่า และมีขายต้นพันธุ์ทั่วไป

จึงขอมติที่ประชุมเพื่อนำข้อมูลมะพร้าวในพื้นที่จากหน่ายงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีการสำรวจในปัจจุบันชัดเจนว่ามะพร้าวใหญ่มีกี่ไร่ และมะพร้าวอ่อนมีกี่ไร่ เพื่อนำเสนอผ่านจังหวัดไปยัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำและน้ำตาลมะพร้าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป