สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ว่านายนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ปราศรัยท่ามกลางมวลชนฝ่ายสนับสนุนจำนวนมาก ที่เมืองลาฮอร์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีเนื้อหาตอนหนึ่ง ว่าไม่ต้องการแก้แค้น หรือเอาคืนทางการเมืองกับฝ่ายใด การเดินทางกลับสู่มาตุภูมิครั้งนี้ มีเพียงเป้าหมายเดียว คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวปากีสถาน และสร้างความปรองดองกับทุกภาคส่วน

นายนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน และน.ส.มาร์ยัม ชารีฟ บุตรสาว


อดีตผู้นำปากีสถานสามสมัย วัย 73 ปี กล่าวต่อไปว่า หากรัฐบาลชุดต่อมายึดแนวทางบริหารเศรษฐกิจ ตามแผนการที่เขาเคยประกาศไว้ เมื่อปี 2533 “จะไม่มีคนจนอยู่ในปากีสถานแม้แต่คนเดียว” นาวาซกล่าวต่อไปว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้ เลวร้ายมาก ถึงขั้นที่ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถชำระค่าสาธารณูปโภคได้


อย่างไรก็ดี นาวาซเน้นว่า วิกฤติเศษฐกิจที่ปากีสถานกำลังเผชิญในเวลานี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของน้องชาย คือนายเชห์บาซ ชารีฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี กับอีก 4 เดือนเท่านั้น ก่อนมีการยุบสภา พร้อมทั้งให้คำมั่นว่า จะนำปากีสถานสู่การเป็น “หนึ่งในเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย” และเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 แห่ง หรือ “จี20” ให้ได้

มวลชนฝ่ายสนับสนุนนายนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน รวมตัวฟังการปราศรัยของเจ้าตัว ที่เมืองลาฮอร์


อนึ่ง นาวาซ วัย เดินทางกลับประเทศครั้งล่าสุด เมื่อเดือน ก.ค. 2561 เพื่อต่อสู้คดี หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาลับหลัง ให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี พร้อมปรับเป็นเงินอีก 8 ล้านปอนด์ ( ราว 354.71 ล้านบาท ) และตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ฐานไม่สามารถพิสูจน์แหล่งรายได้ถูกฎหมาย ในการใช้ซื้ออพาร์ตเมนต์หรูหรา 4 แห่ง ในกรุงลอนดอน และศาลสั่งยึดอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 4 แห่ง ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย


อย่างไรก็ตาม นาวาซ ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปยังสหราชอาณาจักร เมื่อเดือน พ.ย. 2562 ภายใต้เงื่อนไข “การประกันตัวทางการแพทย์” และศาลปากีสถานมีคำสั่งคุ้มครองอดีตผู้นำปากีสถาน วัย 73 ปี จนถึงวันที่ 24 ต.ค. นี้ “เป็นอย่างน้อย” หมายความว่า เจ้าตัวจะยังไม่ถูกจับกุม

หนึ่งในผู้สนับสนุนนายนาวาซ ชารีฟ ถือภาพอดีตนายกรัฐมนตรีคนดัง ระหว่างร่วมฟังการปราศรัย ที่เมืองลาฮอร์ ในปากีสถาน


การเดินทางกลับปากีสถานของนาวาซ เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติการเมืองรอบใหม่ของปากีสถาน ซึ่งยุบสภา เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสิทธิทางการเมือง ของนายอิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับตระกูลชารีฟ เป็นเวลา 5 ปี ตามที่ศาลปากีสถานมีคำพิพากษา ว่าอดีตผู้นำวัย 71 ปี มีความผิดจริง และต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี จากความผิดฐานนำของขวัญ ซึ่งได้รับจากประมุขและผู้นำนานาประเทศ ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ออกขายทอดตลาด.

เครดิตภาพ : AFP