สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามออกแถลงการณ์ เมื่อวันเสาร์ ขึ้นทะเบียนรับรองการใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "อับดาลา" ( ABDALA ) พัฒนาโดยสถาบันฟินเลย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์แถวหน้าของคิวบา ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ ในกรุงฮาวานา 
ทั้งนี้ ผลการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกในระยะที่สามของวัคซีนอับดาลา ซึ่งใช้เทคนิคที่เรียกว่า "ซับยูนิต" คือใช้โปรตีนบางส่วนของเชื้อไวรัสโคโรนาเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ปรากฏในเบื้องต้น ว่าวัคซีนอับดาลา ซึ่งต้องฉีด 3 เข็ม มีประสิทธิภาพ 92.28% 
สำหรับ อับดาลา นับเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รายการที่ 8 ซึ่งรัฐบาลเวียดนามอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน นอกเหนือจาก ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด สปุตนิก วี จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โมเดอร์นา และซิโนฟาร์ม 2 แบบ คือ ผลิตและบรรจุโดยสถาบันชีววัตถุปักกิ่ง ให้กับกลุ่มบริษัทเภสัชกรรมแห่งชาติจีน ( ซิโนฟาร์ม ) และ "ฮายัต แวกซ์" ( Hayat Vax ) ซึ่งเป็นชื่อทางการค้า ของวัคซีนของซิโนฟาร์ม ที่ผลิตและบรรจุในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) 
ขณะที่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น คิวบาประกาศการเตรียมยื่นเอกสารต่อองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) เพื่อขอการรับรองเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาเอง 3 รายการ คือ อับดาลา "โซเบอรานา 02" ( SOBERANA 02 ) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวแรกของโลก ที่ใช้เทคโนโลยีคอนจูเกต มีประสิทธิภาพ 62% หลังการฉีด 2 เข็ม แต่เมื่อมีการฉีดกระตุ้นเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ ด้วย "โซเบอรานา พลัส" ประสิทธิภาพด้านการป้องกันเพิ่มขึ้นเป็น 91.2%.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES