หลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่รัฐเมน เมื่อ โรเบิร์ต คาร์ด ชายวัย 40 ปี ใช้ปืนกราดยิงประชาชนที่ลานโบว์ลิงและสถานที่จัดกิจกรรมในย่านชุมชนของเมืองลูอิสตัน จนทำให้ผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 ราย นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ‘สตีเวน คิง’ เจ้าของฉายา ‘ราชานิยายสยองขวัญ’ ก็ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมาบนแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)

ระทึกขวัญ! ไอ้คลั่งกราดยิงแหลกที่สหรัฐ ผู้บริสุทธิ์ดับแล้ว 22 ราย เจ็บเกินครึ่งร้อย

คิง ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “ความบ้าคลั่งในนามของเสรีภาพ” โดยเขาชี้ว่าอาวุธที่ใช้ฆาตกรรมหมู่ประชาชนในครั้งนี้เป็น “เครื่องจักสังหารที่สาดกระสุนได้เป็นชุดๆ” นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ “หยุดลงคะแนนเลือกพวกชอบแก้ต่างให้ฆาตกรเสียที” ซึ่งคาดว่าเป็นการวิจารณ์นักการเมืองและกฎหมายเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของรัฐเมนที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตพกปืนในที่สาธารณะ ก็สามารถพกอาวุธติดตัวได้ 

นักเขียนเจ้าของนิยายที่โด่งดังหลายเรื่อง เช่น It, The Shining, The Green Mile, The Shawshank Redemption และซีรีส์ชุด The Dark Tower เกิดและเติบโตที่รัฐเมน เขาเรียนชั้นมัธยศึกษาที่เมืองลิสบอน ซึ่งอยู่ห่างเมืองลูอิสตันอันเป็นสถานที่เกิดเหตุกราดยิงเพียง 80 กม. 

ต่อมา คิง ก็โพสต์ข้อความบน เอ็กซ์ เพิ่มเติมว่า “เรื่องนี้ไม่เห็นเกิดขึ้นในประเทศอื่น” โดยเป็นการเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเพื่อเป็นการเน้นย้ำ

คิง ประกาศตัวอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขาต่อต้านการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และเรียกร้องให้ส.ส.ในรัฐสภาลงมือแก้ไขปัญหานี้ 

เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เขาเคยโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า “มันอาจจะถึงเวลาเลิกพูดเรื่องการตามล่าหาเครื่องแลปท็อปของ ฮันเตอร์ ไบเดน เสียที และหันไปลงมือแก้ปัญหาเรื่องความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนของอเมริกาได้แล้ว” 

ข้อความดังกล่าวคาดว่าเป็นการกล่าวเหน็บแนมการสืบสวนของทางการสหรัฐ หลังจากมีข้อกล่าวหาว่าประธานาธิบดีไบเดนและ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางธุรกิจกับต่างชาติมูลค้าหลายล้านดอลลาร์ โดยอาศัยอำนาจและสายสัมพันธ์จากหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อ

ตามข้อมูลของสื่อท้องถิ่นระบุว่า การกราดยิงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกราดยิงในสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 36 ของปีนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 188 คน โดยไม่นับรวมผู้ที่ลงมือก่อเหตุ

ที่มา : wdhn.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES