ถือเป็นอีกผลงานที่หลายคนรอคอย สำหรับ “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง”  เป็นซีรีส์แนวแอ๊คชั่น-ระทึกขวัญสัญชาติไทย เรื่องล่าสุดจาก “เน็ตฟลิกซ์  (Netflix)”  ที่มีความยาว 6 ตอน  ซึ่งจะเสนอภาพของกรุงเทพฯ ในมุมมองที่แตกต่าง พร้อมพาทุกคนไปเสาะหาความจริง กับภารกิจมืดภายใต้เงาของคนดีในเมืองหลวง ที่คุณไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ได้ก้าวเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง ผลงานผู้กำกับ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ  และ คุ่น-ปราบดา หยุ่น นั่งแท่นผู้จัดและผู้อำนวยการผลิต โดยมีพระเอกมากฝีมือ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ แทคทีมกับ นางเอกสาวชื่อดัง ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง ชวนแฟน ๆ ขบคิดและค้นหาว่าเมืองหลวงแห่งนี้ แท้จริงแล้ว “สวยงาม” หรือ “ล่อลวง” กันแน่

กับเรื่องราว เมื่อ “วันชัย” (เวียร์) เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยพี่ชายทำงานหาเงินไปจุนเจือครอบครัว แต่กลับต้องมาพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและปริศนาที่ยากจะคลี่คลาย จึงต้องจำใจพาตัวเองเข้าสู่ด้านมืดของเมืองหลวง เพื่อค้นหาความจริงผ่านการร่วมงานกับมูลนิธิกู้ภัย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก “แคต” (ออม) นักข่าวสาว ที่จับพลัดจับผลูมาร่วมตีแผ่เรื่องราวเร้นลับที่แฝงตัวมาอย่างยาวนานภายใต้ฉากหน้าอันขาวสะอาด แต่ทั้งเขาและเธออาจต้องยอมเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงอย่างที่ต้องการ

วันนี้  “มูฟวี่ โซน” ขอพาแฟน ๆ ไปพูดคุยกับ เวียร์ และ ออม สุดเอ็กซ์คลูซีฟแบบเจาะลึก ในบรรยากาศสบาย ๆ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนออกลุยค้นหาความจริง ที่ซ่อนอยู่ในมุมมมืดของเมืองหลวงแห่งนี้กัน!

Q : ทำไมตัดสินใจมารับแสดงออริจินัลซีรีส์เรื่องนี้ในครั้งนี้ มองเห็นความท้าทายหรือความน่าสนใจตรงไหน?

เวียร์ : สำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมหานครเมืองหลวง ซึ่งก็จะกลายเป็นมหานครเมืองลวง พอทราบถึงโปรเจคท์นี้ ส่งทรีตเมนต์ไม่ได้เยอะ นั่งอ่านแล้วรู้สึกน่าสนใจ ด้วยความที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์ซีรีส์ ก็น่าจะเป็นอะไรที่เป็นประสบการณ์ใหม่ ได้เจอทีมใหม่ เจอโปรดักชั่นใหม่ เจอทีมนักแสดงใหม่ ๆ ผมก็กระโดดใส่เลยครับ พลาดไม่ได้ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์นี้ก็ได้มาเจอคุณออม ก็เลยคิดว่าตัดสินใจถูกแล้ว ยิ่งได้มาเจอพี่โขม พี่คุ่น และนักแสดงตัวท็อปทั้งนั้นเลย เราก็มีโอกาสได้เวิร์กช็อปร่วมกัน ได้รู้จักกัน ได้ทำความรู้จักตัวละครของตัวเอง รู้จักบท ชอบครับ สนุกดี

ออม : ชีวิตการทำงานของเรา ตั้งแต่เข้าวงการ ได้เล่นซีรีส์ เล่นละคร เล่นหนังมาหลายเรื่อง ก็มักโดนคำถามว่าเรื่องต่อไป อยากเล่นแนวไหน เชื่อมั้ยคะพอเรื่องนี้ติดต่อมา ได้อ่านบท ดูโปรเจคท์ มันเป็นสิ่งที่ออมอยากทำในสเต็ปต่อไปในชีวิตการแสดงของออม รู้สึกว่าทำไมจะไม่ทำล่ะ โปรเจคท์ดีขนาดนี้ ทั้งแพลตฟอร์ม ทั้งทีมงาน เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทุกคน เรารู้สึกว่าเป็นทุกคนที่เราอยากร่วมงานด้วยอยู่แล้ว บทก็ดีมาก ประเด็นที่ทำในเรื่องกีดีเช่นกัน มันเหมือนรสนิยมแล้วด้วย ในการที่เราอยากเสพซีรีส์แนวนี้ค่ะ

Q : คาแรกเตอร์ “วันชัย” และ “แคต” เป็นยังไง ต้องเตรียมตัวมารับเรื่องนี้ยังไงบ้าง?

เวียร์ : ผมได้รับบทเป็น ‘วันชัย’ เป็นตัวละครที่มีความคล้ายคลึงกับผมอย่างหนึ่งคือเป็นคนต่างจังหวัด ผมเองก็มาจากจังหวัดขอนแก่น ส่วนคาแรคเตอร์ของวันชัยนั้นก็เป็นคนต่างจังหวัดทั่วไปที่มีความจริงใจ ทำอะไรโดยใช้สัญชาตญาณเป็นตัวนำ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ครอบครัวค่อนข้างยากจน และมีปัญหาหนี้สิน เลยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานกับพี่ชายที่เขารักมาก และอายุห่างกันไม่มาก ซึ่งเข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันชัยยังเป็นเด็ก ส่วนการเตรียมตัว คือทุก ๆ งานที่ผมได้รับโอกาส ผมจะพยายามศึกษาบทก่อน ซึ่งผมมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่คุ่นและพี่โขมอยู่ตลอดเกี่ยวกับคาแรกเตอร์ของวันชัย ทำให้เราได้ปรึกษากันว่าตัวละครจะเป็นอย่างไร และมีพัฒนาการไปในทิศทางไหน แม้ว่าผมกับวันชัยจะเป็นคนต่างจังหวัดเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องทำความเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง ในตัววันชัยที่ไกลตัวผม อย่างการอยู่ในสถานการณ์กดดัน หรือการฝืนทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เป็นต้น และก็การเวิร์กช็อปครับ เพราะมันเป็นความรู้ใหม่ เป็นสิ่งใหม่ที่เรายังไม่เคยรู้จัก เราอาจรู้จัก เคยเห็นอาสากู้ภัย แต่เราไม่รู้เบื้องลึกถึงการทำงานของเขา เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เป็นงานเกี่ยวกับชีวิตคน มันมีทั้งอาสากู้ภัยและกู้ชีพ และผมก็มีไปเรียนรู้และจบหลักสูตรในระยะสั้น ซึ่งในระหว่างถ่ายทำ เราก็จะมีผู้ที่เชี่ยวชาญโดยตรง มาคอยดูความถูกต้องมาดูว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ควรทำแบบไหนให้มันออกมาสมจริงที่สุดครับ เวิร์คช็อปหลายอย่าง อะไรที่เราต้องทำ ที่จะได้เห็นในซีรี่ส์เราก็จะมีการเวิร์กช็อปก่อน

ออม : เรียกว่าทำได้เป็นจริง ๆ เลยใช่มั้ย (ยิ้ม)

เวียร์ : เก่งเลย! เรียกว่าถ้าออมสลบก็ทำซีพีอาร์ได้เลย (ยิ้ม)

ออม : สำหรับออมในซีรีส์รับบทเป็น ‘แคต’ ตัวละครนี้ทำงานเป็นนักข่าวบันเทิง ซึ่งจริง ๆ แล้วแคตอยากทำสายอาชญากรรมหรือสายข่าว ที่ลุย ๆ มากกว่า แต่ว่าด้วยบุคลิก รูปร่างหน้าตา และประสบการณ์ในการทำงานทำให้แคตได้รับมอบหมายเฉพาะงานข่าวบันเทิงไปก่อน ซึ่งการเตรียมตัวปกติเราเป็นฝั่งที่ถูกถามมาตลอด เราไม่คุ้นเคยกับฝั่งที่ต้องถาม เพื่อขุดคุ้ยประเด็น หรือให้ได้คำตอบ ก็ต้องเวิร์กช็อปเยอะ ๆ มีไปดูการทำงานจริงของพี่นักข่าวภาคสนาม ว่าเขามีกระบวนการทำงานยังไง ใช้กล้องแบบไหน มีต้องไปกี่คน ต้องสัมภาษณ์แบบไหน ได้ไปเห็นสถานการณ์จริง ๆ มา เพื่อที่จะเอามาปรับใช้กับวิธีการแสดงในเรื่องค่ะ ซึ่งพี่คุ่นกับพี่โขมให้ออมมาเวิร์กช็อป เตรียมตัวและให้ออกไปสังเกตการทำงานของนักข่าว เลยได้มีโอกาสไปเจอกับ พี่แยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเราได้ไปเห็นการทำงานจริง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พี่เขาคนเดียวทำเองทุกอย่างแล้วสามารถสื่อสารให้สังคมได้รับรู้เรื่องราวที่เขาต้องการจะสื่อออกไป เลยได้นำบางสิ่งบางอย่างในตัวของพี่แยมมาใช้ในตัวละครแคต อย่างความมุ่งมั่น ความไม่ย่อท้อ การเป็นตัวแทน ของความหวังและความแข็งแกร่งของผู้หญิง ทำให้ได้รู้ว่าการเป็นนักข่าวต้องอาศัยไหวพริบมาก ๆ ในการพูดและการสื่อสาร เหมือนกับการเทน้ำจากเหยือกลงแก้วให้พอดีและไม่ล้นจนเกินไปสำหรับเสิร์ฟให้ผู้ชม รู้สึกว่าเป็นงานที่ยากเหมือนกันค่ะ

Q : มีตรงไหนของคาแรกเตอร์ “วันชัย” และ “แคต” ที่เรารู้สึกเชื่อมโยง (Relate) และถ่ายทอดออกได้ง่าย และมีตรงไหนที่เรารู้สึกไกลจากตัวเรา หรือเป็นจุดที่เราอยากโฟกัสในการถ่ายทอดออกมาเป็นพิเศษบ้าง?

ออม : อย่างของออม ต้องบอกว่าออมกับ ‘แคต’ มีความเหมือนกันในหลายอย่าง ไม่ได้เอาความเป็นนักแสดงกับนักข่าวนะคะ อย่างอื่นค่อนข้างคล้ายกัน พวกอุปนิสัย ความชอบ ความมุทะลุ เป็นคนตรง ๆ พอเราอ่านบท พอแคตทำแบบนี้ปุ๊บ ก็รู้สึกทำไมเหมือนฉันเลย เหมือนออมในโหมดที่เวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทมาก ๆ เป็นตัวของตัวเองมาก ๆ ไม่ได้เป็นดารา อย่างแคตเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย มีความบ้าบิ่นนิดนึง ออมก็มีในตัวนะ แต่ไม่ได้เท่าแคต ให้แคตมากกว่านิดนึง ในการแสดงบางทีเรารู้สึกฟินที่ได้ทำสิ่งที่แคตทำหรือได้พูดสิ่งที่ตรงใจเราออกไปในบทบาทของตัวละครตัวนี้ แต่ในโลกความเป็นจริงเราคงไม่กล้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่แคตทำ

Q : แล้วมีจุดที่ต่าง ที่เรารู้สึกไม่เข้าใจ “แคต” จนต้องทำการบ้านเป็นพิเศษมั้ย?

ออม : ออมแทบไม่มีเลยค่ะ มันเป็นพาร์ทที่ออมเข้าใจได้ มันมีนะคะ บางตัวละครที่ออมไม่เข้าใจ มันมีจริง ๆ ที่แบบไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ แต่สำหรับตัวละครนี้ ออมเหมือนเข้าใจเขาจริง ๆ ค่ะ

Q : แล้วเวียร์ล่ะ?

เวียร์ : พูดคุยกับผู้กำกับตลอด แต่จริง ๆ เราคุยกันตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มลงมือโปรดักชั่น ช่วงที่เราพรีโปรดักชั่น ช่วงที่เวิร์กช็อป ก็จะมานั่งคุยถึงคาแรกเตอร์ของ ‘วันชัย’ ว่าต้องการแบบไหน เวียร์ต้องไปศึกษาอะไรเพิ่มเติมบ้าง หรือว่าเวียร์มีความคิดเห็นกับละครนี้ยังไง เรามีการดิสคัสกันอยู่ตลอด แม้กระทั่งช่วงโปรดักชั่นที่ถ่ายทำกันแล้ว เราก็ยังมีการถามกันว่าผมมาถูกทางมั้ย ถ้ามีตรงไหนที่เรารู้สึกว่า ผมไม่ทำแบบนี้นะ ถ้าผมเป็นวันชัย เขาจะไม่ทำแบบนี้ วันชัยจะไม่พูดแบบนี้ วันชัยจะไม่เดินหนีนะ ผมก็จะถามว่าผมทำได้มั้ย ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ‘ก็นั่นแหละวันชัยอยากทำหรือไม่อยากทำอะไรก็เธอเป็นวันชัยแล้ว’ ก็โอเค เหมือนเราได้เป็นตัวละครตัวนั้นจริง ๆ พี่โขม พี่คุ่น เขาจะให้โอกาสเราได้กำกับตัวละครที่เราเล่นด้วย มีส่วนร่วมด้วยครับ

Q : แปลว่าตัวละครที่ทั้งคู่แสดง ซึ่งเราจะได้เห็นในซีรีส์นั้น “เวียร์” และ “ออม” ได้ร่วมดีไซน์คาแรกเตอร์ และใส่ความคิดให้ตัวละครด้วย ไม่ใช่ว่ามาแสดงเพียงอย่างเดียว?

ออม : เยอะเลย (หัวเราะ) พี่เวียร์ก็พยายามเบรกออม ออมจะเป็นคนที่มีอินพุตตลอดเวลาการทำงาน ออมรู้สึกเวลาที่คนเขียนเขาเขียน มันเป็นภาพอีกภาพ แต่ตอนที่ลงมาอยู่หน้างานจริง ๆ เราได้เรียนรู้และเติบโตไปกับตัวละคร อะไรที่ออมคิดว่ามันเสริมได้ ทำให้ตัวละครมันคอมพลีทมากขึ้น ออมก็จะไปขาย ‘พี่คุ่นคะ พี่ช่วยอ่านบทที่หนูลองปรับหน่อยได้มั้ยคะ (หัวเราะ)’ (เวียร์ แซวว่า “เปลี่ยนบททุกวัน”)

ออม : คือเราคิดว่าพอมันไปถึงจุดนี้ แคตมันทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว เหมือนเราพัฒนาตัวละครไปเรื่อย ๆ แต่เราดีที่มีพี่คุ่นกับพี่โขม ซึ่งเขาดูบทในเรื่องอยู่แล้ว เขาก็สามารถช่วยบอกเราได้ว่าไปในแนวทางนี้ถูกแล้วค่ะ

เวียร์ : แล้วก็มากระซิบผมว่า ‘เฮีย ๆ เดี๋ยวออมพูดแบบนี้แล้วนะ’ เราก็ ‘โอเค แต่นี่มันเปลี่ยนหมดเลยนะ’ เปลี่ยนของตัวเอง แล้วเปลี่ยนไดอะล็อกผมด้วยนะ (หัวเราะ)

ออม : ออมเปลี่ยนของเฮียด้วยเหรอ

เวียร์ : มีบ้าง (ออม รีบบอกเสียงสูง “ไม่มี”) เวียร์ : เฮียต้องไปเปลี่ยน เพราะออมเปลี่ยน (หัวเราะ)

ออม : อ๋อ มันต้องสอดรับกัน (ยิ้ม)

Q : เล่าถึงประสบการณ์การฝึกทดลองงานกับอาสาสมัครกู้ภัยก่อนถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ ให้ฟังหน่อย?

เวียร์  : ทีมงานได้ไปเวิร์กช็อปการกู้ภัย เพราะในซีรีส์มีมูลนิธิกู้ภัยเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่อง การกู้ชีพกู้ภัยถือว่าเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ทำให้ผมได้รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนที่มีงานประจำอยู่แล้วจะมาใช้เวลาว่างเพื่อเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ทั้งการทำงานตอนกลางวันและการปฏิบัติหน้าที่ตอนกลางคืน การฝึกอบรมช่วยชีวิตคนก่อนนำส่งถึงโรงพยาบาล ต้องทำอย่างไรถึงจะถูกวิธีและต้องทำภายในเวลากี่นาที ในการถ่ายทำจึงต้องมีทีมงานที่เป็นกู้ภัยมืออาชีพจริง ๆ เข้ามาร่วมแสดงด้วยครับเพื่อความสมจริง วันแรกผมอาจจะมองว่างานกู้ภัยเป็นอาชีพหนึ่งที่คงไม่ง่าย แต่เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจนถึงวันสุดท้าย ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เป็นงานที่ไม่ง่ายแต่ถือเป็นงานที่ยากและท้าทายมาก ผมนับถือหัวใจของอาสาสมัครกู้ภัยทุกคนเลย เพราะเขาอุทิศตนให้กับการช่วยเหลือผู้อื่นกันเต็มที่จริง ๆ

Q : มีการเตรียมตัวสำหรับฉากที่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังไง?

เวียร์ : ชีวิตในวงการบันเทิงทำให้ผมมีโอกาสได้ถ่ายฉากแอ๊คชั่นประมาณหนึ่ง พอได้มาทำงานกับเน็ตฟลิกซ์ยิ่งไม่รู้สึกลำบากใจ ในเรื่องของความปลอดภัยและเอ็ฟเฟกต์ต่าง ๆ เพราะทุกอย่างดูมีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ แต่สิ่งที่ผมต้องเตรียมตัว คือความสมจริงของการแสดง ฉากที่ผมเข้าไปช่วยชีวิตเด็กออกมาจากอาคารที่ถูกไฟไหม้เป็นฉากที่สะท้อนว่าตัวละคร ‘วันชัย’ ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ แม้ว่าตัวเองยังไม่จบการฝึกกู้ภัย แต่เขาเห็นคนกำลังขอความช่วยเหลือและไม่อยาก ให้ใครตายต่อหน้า ยิ่งทำให้นึกถึงการตายของพี่ชาย กลายเป็นแรงผลักดันให้เข้าไปช่วยเด็กออกมาได้ ฉากนี้ทำให้ผมเข้าใจ ความรู้สึกของตัวละครว่าทำไมเขาถึงช่วยชีวิตคนได้สำเร็จในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

Q : รู้สึกอย่างไรในขณะที่เล่นฉากแอ็กชันในซีรีส์เรื่องนี้?

ออม : ถ้าเป็นเหตุการณ์ในชีวิตจริงก็กลัวนะ แต่ว่าในกองถ่ายจะไม่ค่อยกลัว เพราะเราค่อนข้างเชื่อใจทีมงานและผู้กำกับ ว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองแล้วซึ่งรวมไปถึงการดูแลนักแสดงด้วย ดังนั้นเราก็ลุยเต็มที่และรู้สึกสนุกไปกับฉากแอ๊คชั่นหรือฉากที่มีความเสี่ยง ในระหว่างถ่ายทำก็คิดว่าเราจะปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยคิดแบบตัวละครว่าถ้าต้องเจอกับสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ เขาจะคิด หรือรู้สึกอย่างไร รู้สึกกลัว หรือว่ารู้สึกเจ็บ คิดเป็นสเต็ปไปเรื่อย ๆ ค่ะ

Q : การทำงานร่วมกับ “ออม-สุชาร์” เป็นอย่างไรบ้าง และตัวละคร “แคต” มีบทบาทในชีวิตของ “วันชัย” อย่างไร?

เวียร์  : ดีใจมากครับ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรก ผมรู้สึกว่าคุณออมเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่จิ๋วแต่แจ๋ว ส่วน ‘แคต’ เป็นตัวละครที่มีเป้าหมายคล้าย ๆ กับ ‘วันชัย’ เริ่มจากการที่ทั้งสองคนจับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ไม่คาดคิดร่วมกัน เป็นคนกรุงเทพฯ คนเดียวที่วันชัยรู้จักและไว้ใจ โดยในส่วนของแคตซึ่งเป็นนักข่าวกำลังสืบความลับและเรื่องทุจริตขององค์กรแห่งหนึ่งอยู่ ซึ่งกลับกลายเป็นว่างานของแคตกับการตามหาเบื้องหลังความตายของพี่ชายของวันชัยเป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ไขปริศนาร่วมกันและใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

Q : ได้ร่วมงานกับผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างของซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไร?

เวียร์  : พี่คุ่น-ปราบดา และพี่โขม-ก้องเกียรติ ดึงหลาย ๆ อย่างจากตัวผมเข้าไปอยู่ในคาแรกเตอร์ของ ‘วันชัย’ แล้วก็เอาความเป็นวันชัยเข้าไปใส่ในตัวของผมด้วย ทั้งสองท่านก็เลยเลือกผมมารับบทบาทนี้ และค่อนข้างวางใจในตัวผม แต่เราก็ต้องคุยกันว่ามุมมองของตัวละครกับมุมมองของผมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพื่อหลอมรวมออกมาเป็นคาแรกเตอร์ที่พี่คุ่นกับพี่โขมต้องการ นอกจากนั้นทั้งสองท่านก็ได้แนะนำซีรีส์บางเรื่องในเน็ตฟลิกซ์ให้ผมไปดูเพื่อศึกษาคาแรกเตอร์ ตัวละครที่คล้ายกัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่นำมาปรับใช้ได้ดี และรู้สึกเป็นเกียรติมากจริง ๆ เพราะว่าติดตามผลงานทุกอย่างของพี่ ๆ ทั้งสองท่านมาตลอด แต่ยังไม่เคยได้ร่วมงานกันมาก่อนจนได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ครับ

Q : เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายซีรีส์เรื่องนี้หน่อย?

ออม : ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ได้ร่วมงานกับพี่คุ่น, พี่โขม และพี่เวียร์ เป็นครั้งแรกก็เลยตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ เราชื่นชอบในตัวพี่คุ่นและความเป็นตัวเขาอยู่แล้วทั้งทัศนคติและวิธีคิด พี่คุ่นเป็นไอดอล ของยุคเรา ส่วนพี่โขมก็เป็นผู้กำกับในดวงใจที่เราชอบผลงานมาตั้งแต่เรื่อง ‘เฉือน’ ภาพยนตร์ของพี่โขมตรงกับรสนิยมของเรา พอได้มาทำงานร่วมกันก็ยิ่งตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับพระเอกของเรื่อง ตอนแรกไม่รู้เลยว่าเป็นใครเพราะปิดเงียบมาก แต่พอรู้ว่าเป็นพี่เวียร์ เรารู้สึกว่าคนนี้ใช่เลย ตัวละคร ‘วันชัย’ ต้องเป็นพี่เวียร์แน่ ๆ เราตื่นเต้นเพราะไม่เคยเจอตัว และไม่เคยร่วมงานกับพี่เวียร์มาก่อน พี่เวียร์เก่งมาก ทำให้รู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้ตามหลัง เราได้มาอยู่ในกองที่เต็มไปด้วย คนมีศักยภาพเจ๋งๆ เราได้มาอยู่กับทุกคน เราก็ทำตัวเองให้ดีและเข้าถึงบทบาทของตัวละครให้ได้มากที่สุด

Q : ฉากไหนในซีรีส์ที่ชอบเป็นพิเศษ?

ออม  : ออมชอบฉากที่เรียบง่าย อย่างฉากที่ ‘แคต’ พา ‘วันชัย’ ไปเดินเล่นที่ตลาดในกรุงเทพฯ เพราะการสนทนามันดูจริง มันถ่ายทอดผ่านมุมมองของคนต่างจังหวัดที่ได้มาเห็นสิ่งที่แตกต่างจากอะไรที่เขาคุ้นเคยในที่ ๆ เขาจากมา ตลาดในกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าตลาดที่บ้าน มีเทศกิจ คนกวาดขยะริมถนน แผงลอยบนพื้น เรารู้สึกว่ามันจริงกับความเป็นกรุงเทพฯ ค่ะ

Q : อะไรคือสิ่งที่น่าติดตามหรือน่าสนใจในซีรีส์เรื่อง “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง”?

ออม : Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง พูดถึงมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับกรุงเทพฯ ซึ่งเรารู้ว่ามันเป็นมุมที่มีอยู่จริงในทุกซอกทุกมุมและทุกระดับชั้น คือการทุจริต โดยเล่าผ่านการดำเนินเรื่องของตัวละคร ‘วันชัย’ ที่มีบุคลิกของหนุ่มบ้านนอก เข้ามาในเมืองกรุง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นความแตกต่างเพราะวันชัยที่เป็นคนต่างจังหวัด จะไม่ค่อยรู้ความเป็นไปและวิธีการใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในขณะที่คนกรุงเทพฯ ก็จะมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง แล้วพอวันชัยต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายไปมาก ได้เข้าไปอยู่ในโลกสีเทา ๆ ตัวละครของเราก็ได้ไปเจอกับเขา ได้ช่วยเหลือกันและกันภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการตีแผ่ความจริงเบื้องหลังการทุจริต

เวียร์ : สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือพัฒนาการของตัวละคร ‘วันชัย’ ที่เริ่มจากเป็นคนใส ๆ จากต่างจังหวัดที่มีเป้าหมายว่าจะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานตามคำชวนของพี่ชายและหาเงินส่งไปใช้หนี้สินให้พ่อแม่ โดยตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้ายของซีรีส์ผู้ชม จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่เคยมีความหวังในชีวิตว่าจะได้มาเจอกับสิ่งดี ๆ และอะไรใหม่ ๆ แต่กลับต้องมาเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน คือการเสียชีวิตของพี่ชายในอุบัติเหตุ ที่ทิ้งปมขนาดใหญ่เอาไว้ให้เขาต้องหาสาเหตุเบื้องหลัง นำไปสู่การสืบหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในกรุงเทพฯ และพี่ชายของวันชัยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องเหล่านั้น ซึ่งในระหว่างทางก็จะเปิดมุมมองใหม่ของตัวละครที่มีต่อกรุงเทพฯ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มีสิ่งไม่ดีซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งที่คนทั่วไปมองว่าดี โดยที่ซีรีส์จะนำเสนอทั้งสองแง่มุมคือด้านไม่ของสังคมเมือง และคนดีจากต่างจังหวัดที่เข้ามา แล้วเขาจะเอาตัวรอดอย่างไรในสังคมแบบนี้ด้วยความเป็นคนดีของตัวเอง

Q : ภาพของกรุงเทพฯ ที่ถูกนำเสนอในซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างไปจากภาพจำเดิม ๆ อย่างไร?

เวียร์ : สิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่อง ‘Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’ มีทั้งสิ่งที่สวยงามและไม่สวยงามเลย มีทั้งภาพลักษณ์ที่เหมือนจะดีแต่แท้จริงแล้วคือความเน่าเฟะ และการเล่าเรื่องผ่านคนต่างจังหวัดที่เข้าสู่เมืองหลวงพร้อมกับความรู้จักผิดชอบชั่วดี ได้มาร่วมมือกับนางเอกและทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้จนสมบูรณ์ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงในกรุงเทพฯ ครับ

Q : แล้วพอได้มาแสดงเรื่อง “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง” ทำให้ทั้งคู่มีมุมมองของเมืองหลวง อย่าง กรุงเทพฯ เหมือนหรือต่างจากก่อนที่มาแสดงเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?

เวียร์ : จริง ๆ แล้วผมว่าอยู่เมืองนี้ อย่ารู้เยอะ นั่นคือแฮชแท็กของเรา จริง ๆ แล้วในทุกสังคม ทุกอาชีพ ทุกแห่งบนโลกใบนี้ มันก็จะมีหลายด้าน มีด้านที่ขาว ด้านที่มืด หรือด้านที่อยู่ตรงกลาง ก็คือด้านที่เทา คือไม่รู้จะไปทางไหนดี ก็อยู่ตรงจุดนี้ ถามว่าตั้งแต่อ่านบท และมาเล่นจนจบเราได้เห็นมุมมองอะไรที่เราไม่รู้บ้างมั้ย ผมว่าจริง ๆ เราก็รู้กันแหละ แต่ก็มีบางเรื่องที่เป็นสิ่งใหม่ที่เราได้รู้จากซีรีส์นี้ ผมว่ามันเป็นอะไรที่มันต้องเรียนรู้ มันต้องปรับตัว มันต้องอยู่ จะให้เราไปอยู่ที่อื่นมันก็ไม่ใช่ เพราะว่าเราอยู่ที่นี่ แต่จะอยู่แบบไหน อยู่ยังไง คุณจะมีวิธีอยู่กับสังคมใหญ่ขนาดนี้ ที่มีเรื่องราวมากมายยังไงได้ ผมเอาตรงนี้มาปรับมากกว่า แต่ผมก็เชื่อในเรื่องของพลัง เพราะเรื่องนี้มันก็จะพูดถึงเรื่องของพลังของคนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเรา ที่พยายามจะเอาชนะบางสิ่งที่เหมือนชนะไม่ได้ แต่ถ้าเรามีความเป็นบัดดี้กัน เราไม่ย่อท้อ คิดว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูก แต่เราก็ไม่ได้ไปบอกว่าความคิดคนอื่นผิด แต่เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันถูกจริง ๆ เราก็มีโอกาสที่เราจะเอาชนะสิ่งที่ไม่น่าจะชนะได้ ก็เป็นอีกมุมมองนึงได้ครับ

Q : ด้วยความที่เป็นซีรี่ส์ที่ฉายทาง Netflix ซึ่งมีผู้ชมอยู่มากมายทั่วโลก เราอยากคนจดจำซีรีส์ยังไง?

เวียร์ : อย่างแรกเลย ผมว่าสิ่งที่จะได้แน่ ๆ เลยคือความสนุก มันก็คือซีรีส์ คือความบันเทิงแบบนึง อยากให้คนดูแล้วสนุก ติดตามการพัฒนา เรื่องราวของตัวแสดงไปเรื่อย ๆ ถามว่าสิ่งที่คุณจะได้เห็นในซีรีส์นี้ มันมีหลายแง่มุมมาก และแต่ละคนก็สามารถคิดในทางของตัวเอง เราเป็นซีรีส์ที่ไม่ได้แบบให้คุณแบบป้อนเสร็จสรรพ และทำตามอย่างที่แสดงไป แต่คุณสามารถคิดเอง มีแนวคิดของตัวเองว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในซีรีส์ ถ้าเป็นตัวคุณจะทำยังไง จะทำเหมือน ‘วันชัย’ มั้ย ทำเหมือน ‘แคต’ รึเปล่า และถ้าแบบนี้คุณยอมรับผลที่มันจะเกิดขึ้นได้มั้ย อะไรแบบนี้ มันก็จะอะไรให้น่าติดตาม มีเรื่องราวแบบ เฮ้ย! ทำแบบนั้นจริงเหรอ (ยิ้ม) มืดนะ ดำนะ เทานะ ลองเลือกเอาละกันว่าเราจะไปอยู่ในจุดไหนของกรุงเทพฯ”

Q : แปลว่าซีรีส์จะไม่ชี้นำว่า นี่เป็นขาว นี่เป็นดำ หรืออันนี้คือถูกหรือผิด แต่นักแสดงจะถ่ายทอดเรื่องราว เพื่อให้คนดูตัดสินเอง?

เวียร์ : มันมี แบบเอ๊ะ เฮ้ย โน! (หัวเราะ)”

ออม : สปอยเยอะแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ออมคิดว่าการดูซีรีส์เรื่องนึง หากผู้ชมเป็นคนประเทศอื่น พอได้ลองดูซีรีส์ที่เป็นของประเทศไทย มันก็เหมือนเวลาที่เรากินข้าว มื้อนี้เราอาจกินอาหารญี่ปุ่น มื้อนี้เราอาจกินอาหารอิตาเลียน แต่วันนี้เราลองมากินอาหารไทยดู มันก็จะได้เสพรสชาติ อรรถรสในแบบของคนไทย บางทีมันได้เห็นอะไรมากกว่านั้น แค่ได้เห็นภาพกรุงเทพฯ บรรยากาศ ทุกอย่าง ออมว่ามันก็ทำให้คนดูได้ซึมซับอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วค่ะ

Q : เมื่อพูดถึง กรุงเทพฯ ทั้งคู่คิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก?

เวียร์ : โอ้! เมืองใหญ่ รถเยอะ แสงสี เป็นมหานคร มีคนทุกชนชั้น ทุกอาชีพเข้ามาดิ้นรน เข้ามาทำงานหาเงิน กอบโกยในช่วงเวลาที่เป็นอายุการทำงาน และบั้นปลายชีวิตอาจกลับไปอยู่บ้านเดิม แต่เราไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ขนาดนี้ เมืองยิ่งใหญ่ คนยิ่งเยอะ เรื่องราวมันก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย เรื่องที่เราไม่รู้ เรื่องที่รู้ เรื่องที่ไม่คาดคิดว่าราจะต้องเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้

ออม : สำหรับออมคิดว่ากรุงเทพฯ มีเอกลักษณ์มาก เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ซะจนเราคิดว่าถ้าเราไม่ได้เป็นคนไทย แล้วเรามาอยู่ที่นี่ เราจะใช้ชีวิตยังไง ถ้าเราเป็นชาวต่างชาติ เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ยังไง เราเป็นคนไทย บางทีเรายังไม่ได้รู้จักระบบอะไรที่ลึกซึ้งมากขนาดนั้น คือการใช้ชีวิตดำรงอยู่ในกรุงเทพฯจริง ๆ มันยาก แต่ว่าเราก็ต้องปรับตัว มีไหวพริบในการใช้ชีวิต ออมคิดว่ากรุงเทพฯมันก็เป็นเมืองที่เป็นความฝันของหลาย ๆ คน เป็นความหวังให้หลายคนในการที่จะเติบโต มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันก็มีเสน่ห์นะ ไม่ใช่เรื่องไม่ดี และเราก็ไม่ได้คิดจะไปไหน เป็นเหมือนแห่งโอกาส แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยการแข่งขันค่ะ

Q : คิดว่าแฟนต่างประเทศดูแล้ว อยากมาค้นหาเสน่ห์ที่กรุงเทพฯ มั้ย?

เวียร์ : ผมว่ากรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองในฝันของชาวต่างชาติหลายคน ผมมีเพื่อนต่างชาติ เขาก็บอกว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นบัคเก็ต ลิสต์ ก็อยากมาเที่ยวกรุงเทพฯ ของเรา เรื่องนี้จะทำให้คนไดเห็นมุมมองที่มีทั้งความสวยงามและและความลึกลับน่าค้นหา

ออม : มันก็เป็นความสนุกสนานในบริบทของซีรีส์ แน่นอนว่าเราไม่ได้โฆษณาของ ททท. ชวนคนมาท่องเที่ยวอยู่แล้ว (ยิ้ม) แต่คนจะได้เห็นไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตที่น่าสนใจ มีเสน่ห์ในแง่มุมของคนไทย และอาจเข้าใจคนไทยมากขึ้นก็ได้ค่ะ

Q : คาดหวังยังไงกับซีรีส์เรื่องนี้ ที่กำลังจะเผยแพร่สู่สายตาของผู้ชม?

เวียร์ : ผมมีความสุขครั้งแรกตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสร่วมงานนี้ ซึ่งความสุขนั้นดำเนินต่อมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ก่อน เปิดกองมาจนถึงในระหว่างการถ่ายทำ ผมคิดว่าความสุขนั้นจะไม่หายไปไหน แต่จะถูกส่งต่อไปหาผู้ชมที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน เราสร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ผู้ชมสนุกไปกับมัน อยากให้ทุกคนเชื่อ และมีส่วนร่วมไปกับเรื่องราว และเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งฉากที่อยากเอาใจช่วยและฉากที่ทำให้รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของตัวละคร หรือแม้แต่ฉากที่ทุกคนคาดไม่ถึงว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่ในทุกๆ ตอนจะมีอะไรให้กับผู้ชมเสมอ

Q : ท้ายสุดคิดว่าทำไมแฟน ๆ ทั่วโลก ไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้?

เวียร์ : แน่นอนว่าเกิดซีรีส์นี้ขึ้นมาได้ เราไม่ได้ทำเพื่อดูกันเอง (ยิ้ม) เราทำสิ่งนี้ขึ้นมา เพราะรู้ว่าเน็ตฟลิกซ์สามารถออกอากาศทั่วโลก นั่นแหละเป้าหมายแรกเราอยากให้ทุกคนได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ เรามีความสุขในการทำซีรีส์เรื่องนี้มาก ๆ เราได้เรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งถ้าอยู่ในแพลตฟอร์มอื่นเราคงไม่มีโอกาสได้ทำซีรีส์แบบนี้ ที่เรามีการตีแผ่เรื่องราวต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ให้ทั่วโลกได้เห็นครับ

ออม : ออมคิดว่ามันมีความทันยุคทันสมัยในการทำซีรีส์ ณ ปัจจุบันนี้ และเราอยู่ในแพลตฟอร์มที่ได้เปิดกว้างทางการรับรู้ และมีผู้ชมที่เยอะมากพอที่จะซัพพอร์ตในความแตกต่างนี้ค่ะ หวังว่าคนไทยเองด้วยกันจะเปิดใจในการชมซีรีส์ของเรา และให้กำลังใจ อย่าอคติ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ พวกเราก็ตื่นเต้นกันมาก

มาค้นร่วมค้นหาความจริง เปิดโปงทุกความลับ ที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมมืดของ ‘เมืองหลวง’ แห่งนี้ ไปพร้อมกับ “เวียร์” และ “ออม” ใน “Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง” ในวันที่ 23 ก.ย. นี้ ทาง เน็ตฟลิกซ์